ปก

ตู้ชาร์จอัจฉริยะ H SEM กด เปิด และ เปลี่ยน ง่าย ๆ แค่นี้ จริงเหรอ?

“รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าซื้อเพื่ออะไร ถ้าไม่มีตู้ชาร์จ”

“ตู้ชาร์จไม่มี ซื้อไปแบตหมดกลางทางทำไง?” 

H SEM เชื่อเหลือเกินว่าหลายคนที่วางแผนเอาไว้ว่าจะซื้อรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคงจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างหนักแน่นอน เนื่องจากตู้ชาร์จแบตเตอรี่รถพลังงานไฟฟ้านั้นก็เปรียบเสมือนกับน้ำมันที่เป็นพลังงานหลักในการขับเคลื่อนรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปนั่นเอง

อย่างไรก็ตามแต่ เป็นที่ทราบกันดีว่าสถานีชาร์จรถพลังงานไฟฟ้า หรือ ตู้ชาร์จแบตเตอรี่รถพลังงานไฟฟ้า เป็นอะไรที่หาได้ยากอย่างมากในประเทศไทย นั่นจึงทำให้กระแสการซื้อรถพลังงานไฟฟ้ายังไม่บูมเท่าที่ควรด้วยเหตุนี้เอง H SEM จึงได้ผลิตตู้ชาร์จอัจฉริยะขึ้นมาเพื่อรองรับการใช้งานของคุณลูกค้า

ตอบคำถามที่หลายคนสงสัย สถานีชาร์จแบตเตอรี่ ในไทย มีกี่จุด?

จริงอยู่ที่สถานีชาร์จแบตเตอรี่ในไทยนั้นหาได้ยากมาก แต่ใช่ว่าจะไม่มีเลย โดยในปัจจุบันประเทศไทยนั้นมีการเปิดสถานีชาร์จแบตเตอรี่ทั้งสิ้น 462 จุด โดยบริษัทที่เปิดสถานีชาร์จแบตเตอรี่มากที่สุดก็คือ EA Anywhere ที่เปิดใช้แล้ว 400 จุดภายในปี 2562 ที่ผ่านมา และมีเปิดเพิ่มเติมอีก 35 จุดแบบ Fast Charge ซึ่งพื้นที่ที่ให้บริการส่วนใหญ่อยู่ในเขตกทม และ ปริมณฑล เท่านั้น 

ส่วนผู้ให้บริการรายอื่นอย่างการไฟฟ้านครหลวง (MEA), การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (EGAT), ปตท และแบรนด์รถยนต์ต่าง ๆ ยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นการกระจายจุดให้บริการ ( 10-100 สถานี ) แน่นอนว่าจุดให้บริการส่วนใหญ่ยังอยู่ในเขตกทม และปริมณฑล ที่สำคัญยังเป็นสถานีชาร์จแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์เท่านั้น โดยบริษัทที่เปิดสถานีชาร์จแบตเตอรี่ให้บริการตามสถานีที่ต่าง ๆ ดังนี้

1. สถานีอัดประจุไฟฟ้า การไฟฟ้านครหลวง MEA

การไฟฟ้านครหลวงมีสถานีชาร์จรถ EV เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ากันมากขึ้น โดยสถานีชาร์จที่มี ได้แก่

  • กฟน. สำนักงานใหญ่ เพลินจิต
  • กฟน. เขตวัดเลียบ
  • กฟน. เขตสามเสน
  • กฟน. เขตบางเขน
  • กฟน. เขตบางขุนเทียน
  • กฟน. เขตลาดกระบัง
  • กฟน. เขตบางใหญ่
  • กฟน. เขตสมุทรปราการ
  • กฟน. เขตราษฎร์บูรณะ
  • กฟน. เขตธนบุรี
  • กฟน. ที่ทำการบางพูด
  • 7-Eleven สาขาบ้านสวนลาซาล (ศรีนครินทร์)
  • 7-Eleven สาขา สน.บางขุนนนท์

2. สถานีอัดประจุไฟฟ้า EV Station ปตท. (PTT)

โดยทาง PTT หรือ ปตท. มีจุดชาร์จไฟแบบ Quick Charge 5 แห่ง ดังนี้

  • PTT Station สาขาพหลโยธิน กม. 25 กรุงเทพฯ
  • PTT Station สาขาวงแหวนกาญจนาภิเษก-ตลิ่งชัน กรุงเทพฯ
  • PTT Station สาขาพัฒนาการ ขาออก กรุงเทพฯ
  • PTT Station สาขาหนองแขม กรุงเทพฯ
  • PTT Station สาขาแยกหาดจอมเทียน พัทยา

และจุดชาร์จไฟแบบธรรมดา 25 แห่ง ทั่วประเทศ ดังนี้

  • กรุงเทพมหานคร
  • สาขาแยกประชาอุทิศ-ลาดพร้าว กรุงเทพฯ
  • สาขาทุ่งครุ
  • สาขาพระราม 2 (ขาออก)
  • สาขาบรมราชชนนี (ขาเข้า)
  • สาขาราชพฤกษ์ 1
  • สาขาเอกมัย-รามอินทรา
  • สาขาลาดพร้าว-วังหิน
  • สาขานวลจันทร์
  • สาขามัยลาภ
  • สาขาราษฎร์บูรณะ (ขาออก)
  • นนทบุรี
  • สาขาประชาชื่น 2
  • ปทุมธานี
  • สาขาวงแหวนตะวันตก (ขาเข้า)
  • สาขาคลองหลวง กม.6
  • สาขาแยกสันติสุข
  • สมุทรสาคร
  • สาขาพระราม 2 (ขาเข้า)
  • นครปฐม
  • สาขาพุทธมณฑล สาย 4
  • สาขาพุทธมณฑล สาย 5
  • พระนครศรีอยุธยา
  • สาขาวังน้อย
  • สาขาบางปะอิน
  • สระบุรี
  • สาขาสระบุรี
  • ระยอง
  • สาขาโรงแยกก๊าซระยอง
  • สาขาตำบลมาบข่า
  • ขอนแก่น
  • สาขาเมืองขอนแก่น
  • เชียงใหม่
  • สาขาสารภี
  • สงขลา
  • สาขาหาดใหญ่ใน (ขาออก)

3. สถานีอัดประจุไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA)

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า PEA VOLTA จำนวน 11 สถานี ดังนี้

  • สายภาคเหนือ (กรุงเทพฯ – พระนครศรีอยุธยา) จำนวน 2 สถานี
  • สายภาคใต้ (กรุงเทพฯ – หัวหิน) จำนวน 4 สถานี
  • สายภาคตะวันออก (กรุงเทพฯ – พัทยา) จำนวน 3 สถานี
  • สายภาคตะวันตก (กรุงเทพฯ – นครปฐม) จำนวน 1 สถานี สำนักงานใหญ่ กฟภ. จำนวน 1 สถานี

4. สถานีอัดประจุไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (EGAT)

     การไฟฟ้าฝ่ายผลิตมีสถานีอัดประจุไฟฟ้า ทั้งแบบ Quick Charge และ Normal Charge ดังนี้

  • พระนครศรีอยุธยา โรงไฟฟ้าวังน้อย
  • ลำปาง โรงไฟฟ้าแม่เมาะ
  • ขอนแก่น โรงไฟฟ้าน้ำพอง
  • ฉะเชิงเทรา โรงไฟฟ้าบางปะกง
  • สงขลา โรงไฟฟ้าจะนะ
  • นครราชสีมา โรงไฟฟ้าลำตะคองฯ
  • อุบลราชธานี โรงไฟฟ้าเขื่อนสิริธร
  • นนทบุรี สำนักงานกลาง กฟผ.
  • ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง

5. สถานีอัดประจุไฟฟ้า EA Anywhere หรือ บ.พลังงานบริสุทธิ์

EA Anywhere บริษัทเอกชนที่เข้าร่วมกับบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น คาลเท็กซ์, ซีพี ออลล์, บริดจสโตน เอ.ซี.ที และ โรบินสัน โดยในปัจจุบันมีแล้วกว่า 400 แห่งกระจายทั่วประเทศ สามารถตรวจสอบจุดการให้บริการได้ที่ EA Anywhere นอกจากนี้ทาง EA Anywhere ได้ประกาศเปิดสถานีชาร์จ DC (Fast Charge) หรือแบบชาร์จเร็วเพิ่มอีกถึง 35 สถานี ได้แก่ 

  • สถานี Big-c สุขาภิบาล 3
  • สถานี CALTEX (สินทรัพย์มงคลชัย)
  • สถานี SUSCO สาขาบางบัวทอง(ไทรน้อย)
  • สถานี SUSCO สาขาบางใหญ่
  • สถานี บริษัท เบสท์ เอ็นเนอร์ยี่ พลัส จำกัด สาขา 22 (บางนาขาเข้า)
  • สถานีบริษัท เบสท์ เอ็นเนอร์ยี่ พลัส จำกัด สาขา23 (บางพลี)
  • สถานี บริษัท เบสท์ เอ็นเนอร์ยี่ พลัส จำกัด สาขา 25 (กิ่งแก้ว)
  • สถานี อาคาร อาคเนย์ประกันภัย จำกัด
  • สถานี โรงพยาบาลพระราม 9
  • สถานี Bizzo Bangna
  • สถานี The Explace Mall (กาญจนาภิเษก)
  • สถานี The Walk สาขาราชพฤกษ์
  • สถานี The Visda Park
  • สถานี ศูนย์การค้า EASE PARK รามอินทรา
  • สถานี One One Food Avenue (ซอยสามัคคี)
  • สถานี สนามบินน้ำมาร์เก็ตพาร์ค
  • สถานี ม.ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ST.1
  • สถานี มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์
  • สถานี สถานบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
  • สถานี MG จันทบุรี
  • สถานี MG อุดรธานี
  • สถานี MG HITECH T&N Co.,LTD บุรีรัมย์
  • สถานี MG HITECH T&N Co.,LTD (นางรอง)
  • สถานี MG รวมกิจ (นครพนม)
  • สถานี MG Areemit (มหาสารคาม)
  • สถานี MG ร่วมใจเอ็มจีเมืองเลย
  • สถานี MG ร่วมใจเอ็มจีหนองบัวลำภู
  • สถานี MG Deelert Auto Car (อำนาจเจริญ)
  • สถานี MG M2 Motorsports (จ.อุบลราชธานี)
  • สถานี ESCAPE KHAO YAI HOTEL
  • สถานี ROYCE Privata Residences ซอยสุขุมวิท23
  • สถานี บริษัท Eastern Group (ซอยโยธินพัฒนา 3แยก2)
  • สถานี B AUTOHAUS (ถ.วิภาวดีรังสิต)
  • สถานี Saksit Alloy Group
  • สถานี บริษัท 909 มหาคุณ จำกัด

ทำความรู้จัก ตู้ชาร์จอัจฉริยะ Battery Swapping Tank จาก H SEM แค่กด เปิด และ เปลี่ยน เท่านั้น!

หลายคนเมื่อได้ยินว่า H SEM มีตู้ชาร์จอัจฉริยะ Battery Swapping Tank ที่มาพร้อมกับขั้นตอนง่าย ๆ 3 ขั้นตอน คือ กด, เปิด และ เปลี่ยน คงจะสงสัยอย่างแน่นอนเลยว่าขั้นตอนมันจะง่ายอย่างที่อวดอ้างจริงหรือไม่? งานนี้ใครที่กำลังสงสัยอยู่ เราขอบอกเลยว่าจริง!

โดยตู้ชาร์จอัจฉริยะจาก H SEM หรือ Battery Swapping Tank คือ ตู้สำหรับเปลี่ยนแบตเตอรี่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ H SEM ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนแบตเตอรี่โดยเฉพาะ ให้คุณประหยัดเวลาไม่ต้องรอชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม เรื่องความยุ่งยากในการใช้งานขอบอกเลยว่าไม่ยุ่งยากแน่นอน คุณเพียงแค่กด เปิดและเปลี่ยนเท่านั้น!

นอกจากความง่ายในการใช้งานแล้ว เจ้าตู้ชาร์จอัจฉริยะนี่ยังมีข้อดีอีกมากมายที่พร้อมมาซัพพอร์ทการใช้งานของคุณ ดังนี้

1. เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ไม่มีสะดุด

ตู้ชาร์จอัจฉริยะ Battery Swapping Tank จาก H SEM มาพร้อมกับความสามารถในการชาร์จแบตเตอรี่ในเครื่องได้พร้อมกันสูงสุดถึง 11 ลูก รับประกันความสะดวก เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ไม่มีสะดุดแนนอน เพราะ H SEM คิดมาแล้วว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด สะดวกที่สุดสำหรับคุณ!

2. All in One Touch Screen

ตู้ชาร์จอัจฉริยะ Battery Swapping Tank จาก H SEM มาพร้อมกับหน้าจอ LED แบบ Touch Screen ให้คุณใช้งานได้สะดวก ครบ จบที่หน้าจอเดียว กับ All in One Touch Screen จาก H SEM 

3. ปลอดภัยตลอดการใช้งาน

ตู้ชาร์จอัจฉริยะ Battery Swapping Tank จาก H SEM มาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยตลอดการใช้งาน ด้วยระบบเบรกเกอร์ในตู้, ระบบเบรกเกอร์นอกตู้, ระบบสายดิน และ ระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อเครื่องชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม ให้คุณมั่นใจเรื่องความปลอดภัยขณะใช้งานได้เลย!

4. อุ่นใจตลอดเวลาด้วย QR Code 

ให้คุณอุ่นใจตลอดเวลาที่ใช้งานแม้ในยามที่เกิดปัญหา ด้วย QR Code เพื่อติดต่อพนักงานบริการได้ตลอด 24 ชม. เมื่อเกิดปัญหาและต้องการความช่วยเหลือ

และนี่ก็คือตู้ชาร์จอัจฉริยะ Battery Swapping Tank จาก H SEM ตัวช่วยในการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าให้ไม่มีสะดุด แว่ว ๆ มาว่าตู้ชาร์จอัจฉริยะ Battery Swapping Tank ของ H SEM ในขณะนี้กำลังจะพัฒนาระบบการใช้งานให้ง่ายอีกขั้น ด้วยระบบ RFID ซึ่งเป็นระบบที่มีวิธีการใช้งานแบบแสกนบัตร BTS และบัตร MRT ส่วนคำถามที่ว่าตู้นี้จะมีจุดให้บริการที่ใดบ้าง H SEM ขออุบไว้ก่อน รอติดตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้วเราจะมาบอกคุณอย่างแน่นอน!

Web

ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย รถสามล้อไฟฟ้า ควรใช้เป็นแบตเตอรี่ประเภทไหนดี?

เมื่อพูดถึง รถสามล้อไฟฟ้า เชื่อเหลือเกินว่าหลายคนจะต้องนึกถึงแบตเตอรี่อย่างแน่นอน เนื่องจากแบตเตอรี่นั้นเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่มีส่วนช่วยให้รถพลังงานไฟฟ้าสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ด้วยเหตุนี้ H SEM จึงไม่พลาดที่จะนำเสนอสาระดี ๆ เกี่ยวกับแบตเตอรี่รถสามล้อไฟฟ้ามาฝากทุกคนกัน งานนี้แบตเตอรี่มีกี่ประเภท และรถสามล้อไฟฟ้าควรใช้แบตเตอรี่ประเภทไหนบ้าง วันนี้เราหาคำตอบมาให้คุณแล้ว!

ทำความรู้จัก “แบตเตอรี่” แหล่งพลังงานสำหรับ รถสามล้อไฟฟ้า

“แบตเตอรี่” หนึ่งในอุปกรณ์ที่มีส่วนช่วยให้รถสามล้อไฟฟ้าสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ โดยแบตเตอรี่จะทำหน้าที่ป้อนกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ทำงานได้ ซึ่งแบตเตอรี่สามารถแบ่งได้ทั้งสิ้น 3 ประเภท ดังนี้

1. แบตเตอรี่น้ำกลั่น (Distilled Water Battery)

สำหรับแบตเตอรี่ประเภทนี้เรียกได้ว่าเป็นแบตเตอรี่ที่มีตะกั่วกรด โดยส่วนผสมภายในแบตเตอรี่นั้นประกอบด้วยโลหะผสมระหว่างตะกั่วกับพลวง อายุของแบตเตอรี่ชนิดนี้อยู่ที่ 1-1.5 ปี เนื่องจากแบตเตอรี่ประเภทนี้ต้องเติมน้ำกลั่นทุก ๆ 7-14 วัน ทำให้แบตเตอรี่ประเภทนี้ไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลรถ ข้อดีของแบตเตอรี่ประเภทนี้ก็คือ มีความทนทานต่อการประจุไฟเกินและคายประจุ ที่สำคัญก็คือแบตเตอรี่ประเภทนี้มีราคาที่ค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ประเภทอื่น ๆ ที่ใช้กับรถสามล้อไฟฟ้า

2. แบตเตอรี่เจล (Gel Battery)

สำหรับแบตเตอรี่ประเภทนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในวิวัฒนาการของแบตเตอรี่เแบบน้ำกลั่นเลยก็ว่าได้  เนื่องจากแบตเตอรี่ข้างในนั้นถูกเปลี่ยนจากน้ำกรดให้กลายเป็นเจลด้วยการเติมผงซิลิกาลงไป เมื่อตัวแบตเตอรี่ได้รับการกระทบกระเทือนก็ยังคงมีความปลอดภัย เนื่องจากน้ำกรดมีความหนืดและหกยาก อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ประเภทนี้มีอายุการใช้งานอยู่ที่ 1.5-2 ปี 

เรื่องความกังวลที่จะต้องคอยเติมน้ำกลั่นอยู่บ่อย ๆ นั้นเราขอบอกเลยว่าหายห่วง เพาะแบตเตอรี่ประเภทนี้ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นเลย ทำให้ตอบโจทย์สุด ๆ สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาตรวจดูรถของตนเองอยู่บ่อย ๆ ข้อเสียของการใช้แบตเตอรี่ประเภทนี้ก็คือต้องหลีกเลี่ยงการโดนน้ำโดยเด็ดขาด ไม่เว้นแม้กระทั่งน้ำค้าง

3. แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน (Lithium-Ion Battery)

สำหรับแบตเตอรี่ประเภทนี้เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมแบตเตอรี่ใหม่ล่าสุดของวงการยานยนต์เลยก็ว่าได้ เพราะมันมีอายุการใช้งานมากถึง 5-6 ปีเลยทีเดียว นอกจากแบตเตอรี่ประเภทนี้จะมีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างนานกว่าแบตเตอรี่ 2 ประเภทก่อนหน้านี้แล้ว แบตเตอรี่ประเภทนี้ยังไม่ก่อให้เกิดมลพิษกับโลกอีกด้วย 

โดยแบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออนสามารถทำงานได้เป็นระยะเวลายาวนานด้วยการชาร์จเพียงหนึ่งครั้ง ข้อเสียของแบตเตอรี่ประเภทนี้คือ หากได้รับความเสียหายในระหว่างการขนส่ง แบตเตอรี่ลิเทียมอาจลัดวงจร ส่งผลให้เกิดความร้อนสูงผิดปกติ และลุกไหม้ได้ นั่นจึงทำให้ในระหว่างขั้นตอนการขนส่งมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องขนส่งอย่างระมัดระวัง ป้องกันไม่ให้ตัวแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง

วิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่ รถสามล้อไฟฟ้า จาก H SEM

หลังจากที่เราทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของแบตเตอรี่รถสามล้อไฟฟ้ากันไปแล้ว ก็มาสู่ขั้นตอนสำคัญที่ทำให้แบตเตอรี่ของคุณมีอายุการใช้งานยาวนานตามที่มันควรจะเป็นกันบ้าง กับ 3 วิธีดูแลแบตเตอรี่รถสามล้อไฟฟ้าจาก H SEM 

1. ไม่ควรใช้ รถสามล้อไฟ้า จนแบตเตอรี่หมดหรือเหลือ 0% 

สำหรับเรื่องนี้เป็นอะไรที่สำคัญอย่างมาก อย่าลืมว่าทุกครั้งที่แบตเตอรี่ลดน้อยลง คุณจะต้องทำการชาร์จไฟเพื่อให้แบตเตอรี่กลับมาเต็มดังเดิม ยิ่งแบตเตอรี่ลดน้อยลงเท่าไหร่ ระยะเวลาที่ใช้ในการชาร์จก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้แบตเตอรี่เกิดความร้อนได้ง่ายเนื่องจากใช้เวลาในการชาร์จบ่อย และในการชาร์จแต่ละครั้งเองตัวแบตเตอรี่ต้องเผชิญกับความร้อนที่เพิ่มมากขึ้น ทางที่ดีเราขอแนะนำให้คุณชาร์จแบตเตอรี่ก่อนที่ปริมาณแบตเตอรี่จะเหลือ 20%-30% จะดีกว่า จะได้เป็นการถนอมอายุการใช้งานของแบตเตอรี่นั่นเอง

2. ไม่ได้ใช้งาน รถสามล้อไฟฟ้า ก็ต้องชาร์จแบตเตอรี่เสมอ

จริงอยู่ที่ในข้อที่หนึ่งนั้นเราได้กล่าวไปว่าการชาร์จแบตเตอรี่บ่อย ๆ ส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ทำให้มันมีอายุการใช้งานที่น้อยลงจากที่คาดการณ์เอาไว้ แต่ใช่ว่าการที่คุณไม่ได้ใช้งานรถสามล้อไฟฟ้าเลยจะไม่ต้องคอยชาร์จแบตเตอรี่นะ เพราะการที่แบตเตอรี่ไม่มีการใช้งานเลยก็เสี่ยงทำให้มันเสื่อมได้ ทางที่ดีเราขอแนะนำให้คุณชาร์จไฟอย่างน้อยทุก ๆ 15 วัน เพื่อเป็นการถนอมอายุการใช้งานของแบตเตอรี่จะดีที่สุด

3. หลีกเลี่ยงการทำให้แบตเตอรี่ร้อนโดยไม่จำเป็น

อย่างที่เราได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าการชาร์จแบตเตอรี่นาน ๆ ทำให้แบตเตอรี่ร้อนได้ง่าย เสี่ยงแบตเตอรี่เสื่อมไวได้ แต่คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่านอกจากการชาร์จแบตเตอรี่นาน ๆ แล้ว การปล่อยให้แบตเตอรี่เจอกับแสงแดดนาน ๆ หรือวางแบตเตอรี่ไว้ในที่ร้อน ๆ นั้นก็ส่งผลเสียกับแบตเตอรี่ด้วยเช่นกัน เพราะการที่แบตเตอรี่เจอความร้อนมาก ๆ ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว แถมยังทำให้ความจุของแบตเตอรี่ลดลงอีกด้วย ดังนั้นพยายามหลีกเลี่ยงการวางแบตเตอรี่ไว้ในที่ร้อนกลางแดดจะดีที่สุด

และนี่ก็คือสาระดี ๆ ที่ H SEM นำมาฝากคุณผู้อ่านกันในวันนี้ หลังจากที่คุณซื้อรถสามล้อไฟฟ้าจาก H SEM ไป คุณสามารถนำสาระดี ๆ ที่ได้จากเราไปปรับใช้เพื่อถนอมอายุแบตเตอรี่สามล้อไฟฟ้าของคุณได้ เพื่อที่คุณจะได้ยืดเวลาการเสียเงินให้กับค่าใช้จ่ายการซ่อมแบตเตอรี่อย่างไม่จำเป็นไปได้นั่นเอง!

มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า

5 วิธีดูแล รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ให้อยู่ทน อยู่นาน

ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้นทำให้ยานพาหนะในปัจจุบันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น โดยหนึ่งในนั้นก็คือ รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า นั่นเอง ด้วยเหตุนี้ H SEM จึงไม่พลาดที่จะนำเสนอวิธีการดูแลรักษารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า งานนี้จะมีวิธีใดบ้าง เลื่อนไปอ่านพร้อมกันได้ที่ด้านล่างนี้เลย!

ทำความรู้จัก รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า พาหนะรักษ์โลกของคนยุคใหม่

รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า หรือ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า คือ ยานพาหนะ 2 ล้อที่ใช้แบตเตอรี่เป็นพลังงานในการขับเคลื่อนรถ โดยส่วนใหญ่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในตลาดนั้นมักที่จะเป็นรถพลังงานไฟฟ้าแบบ EV หรือ Electric Vehicle ซึ่งรถพลังงานไฟฟ้าชนิดนี้จะใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เป็นหลัก ไม่มีเครื่องยนต์ระบบสันดาปภายในไว้ใช้งาน ทำให้ไม่เกิดไอเสียและมลพิษ

ที่พิเศษกว่านั้นก็คือรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ายังช่วยประหยัดรายจ่ายอย่างค่าน้ำมันด้วย เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการชาร์จไฟนั้นตกอยู่ที่ 7-14 บาทเท่านั้น

นอกจากนี้ค่าบำรุงรักษารถเองก็ต่ำมากด้วยเช่นกัน จริงอยู่ที่ว่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้านั้นมีข้อดีอยู่มากมาย แต่ใช่ว่ามันจะไม่มีข้อเสียเลยนะเพราะคุณจะต้องพกชาร์จเจอร์ไว้หากต้องเดินทางเป็นระยะไกล เนื่องจากยังมีข้อจำกัดเรื่องระยะทางในการเดินทางอยู่  โดยใช้เวลาประมาณ  6-8 ชั่วโมงในการชาร์จปกติ หรือ 2-4 ชั่วโมงในการชาร์จผ่านแท่นชาร์จเร็ว

5 วิธีดูแล รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ให้อยู่ทน อยู่นาน!

1. หลีกเลี่ยงการขับขี่ลุยน้ำท่วมขัง

สำหรับเรื่องนี้เราขอบอกเลยว่าเป็นอะไรที่สำคัญอย่างมาก จริงอยู่ที่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้านั้นสามารถขับรถลุยน้ำท่วมขังได้ แต่มันก็มีข้อจำกัดด้วยเช่นกัน เพราะความสูงของน้ำที่ท่วมขังจะต้องไม่เกินครึ่งล้อของรถโดยเด็ดขาด เพราะถ้าความสูงของน้ำที่ท่วมเลยความสูงจากนี้ไป เชื่อเถอะว่ารถของคุณต้องส่งซ่อมอย่างแน่นอน เพื่อความไม่ประมาททางที่ดีหลีกเลี่ยงการขับรถลุยน้ำท่วมขังจะดีที่สุด!

2. อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่ต่ำกว่า 20-30% 

เคยสังเกตกันไหมว่าโทรศัพท์มือถือเวลาที่คุณใช้จนแบตหมดแล้วนำมาชาร์จจนเต็ม โทรศัพท์มือถือของคุณจะร้อนมาก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าแบตเตอรี่ต้องทำงานหนักนั่นเอง และเมื่อคุณทำพฤติกรรมเหล่านี้บ่อย ๆ เข้าแบตเตอรี่โทรศัพท์ของคุณก็จะมีอายุการใช้งานที่สั้นลงเรื่อย ๆ ซึ่งผลลัพธ์ที่ว่านี้เองก็เกิดขึ้นได้กับแบตเตอรี่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าด้วยเช่นกัน 

ทางที่ดีเราขอแนะนำให้คุณชาร์จแบตเตอรี่ทุกครั้งหากแบตเตอรี่มีพลังงานต่ำกว่า 20-30% และถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้ใช้รถเลยก็ตามแต่ คุณก็ต้องชาร์จแบตเตอรี่ด้วย เพราะถ้ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของคุณไม่ได้รับการชาร์จนาน ๆ เข้าแบตเตอรี่ก็อาจจะเสียได้เช่นกัน

3. พักเครื่องหลังใช้งานรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเสมอ

เนื่องจากรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ผ่านการใช้งานมาตัวแบตเตอรี่ย่อมมีความร้อนอยู่ เพื่อที่แบตเตอรี่ของคุณจะไม่เสื่อมอายุเร็วกว่ากำหนด เราขอแนะนำให้ก่อนชาร์จแบตเตอรี่คุณควรพักรถไว้ในที่ร่มก่อน 15-30 นาที เพื่อให้แบตเตอรี่คลายความร้อนลง จากนั้นจึงค่อยชาร์จแบตเตอรี่

4. หลีกเลี่ยงการจอดรถนอกชานบ้าน

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่ารถประเภทนี้ใช้แบตเตอรี่ในการเป็นพลังงานขับเคลื่อนรถ การที่คุณปล่อยให้แบตเตอรี่โดนความร้อนหรือทิ้งไว้ในที่ร้อนจึงไม่เป็นผลดีต่อแบตเตอรี่สักเท่าไหร่ เพราะการที่แบตเตอรี่เจอความร้อนมาก ๆ นอกจากจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วแล้ว ประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึงความจุของแบตเตอรี่ยังลดลงอีกด้วย ทางที่ดีเราขอแนะนำให้คุณพยายามหลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดดนาน ๆ นำรถมาจอดไว้ในที่ร่มเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้แบตเตอรี่รถโดนแสงแดดจะดีที่สุด

5. ใช้ที่ชาร์จแบตเฉพาะยี่ห้อ เฉพาะรุ่นเท่านั้น

สำหรับข้อสุดท้ายนี้เป็นอะไรที่สำคัญอย่างมาก อย่าลืมว่าแบตเตอรี่แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อนั้นกำลังวัตต์ไฟฟ้ามีความแตกต่างกัน การใช้ที่ชาร์จแบตเตอรี่มั่วซั่วอาจทำให้เกิดอันตรายได้ หากเทียบให้เห็นภาพ แบตเตอรี่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าก็ทำหน้าที่เหมือนกันกับแบตโทรศัพท์มือถือเลย เมื่อเรานำมาใช้ผิดยี่ห้อ ผิดรุ่น ก็อาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้ ยิ่งตัวแบตเตอรี่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามีขนาดใหญ่กว่าด้วยแล้ว ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็จะมากตามไปด้วย

และนี่ก็คือสาระดี ๆ ที่ H SEM MOTOR นำมาฝากคุณผู้อ่านในวันนี้ เชื่อเหลือเกินว่าข้อมูลที่เรานำมาฝากในวันนี้จะมีประโยชน์สำหรับคุณไม่มากก็น้อยนะ งานนี้ใครที่ซื้อรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามา คุณลองนำ 5 วิธีดูแลรถเหล่านี้ไปปรับใช้กับการดูแลรถของคุณได้ รับรองว่าถ้าปฏิบัติตามนี้ รถของคุณจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานอย่างแน่นอน!

health-check

เอช เซม ตรวจสุขภาพประจำปี 2563

ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา เอช เซม มีการตรวจสุขภาพประจำปี 2563 ของทาง เอช เซม เพื่อเป็นการตรวจเช็คสุขภาพร่างกายของพนักงาน ให้คำแนะนำการดูแลรักษาสุขภาพและพลานามัย

temple

H SEM ถวายรถกอล์ฟไฟฟ้า ให้แก่วัดเสนาสนาราม ราชวรวิหาร

วันที่ 11 พฟศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา เวลา 9.30 น. คุณวันชัย ลี้นะวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอช เซม นำทีมผู้บริหาร ถวายรถกอล์ฟไฟฟ้า รุ่น 2+2 LED LUXURY ให้แก่ พระเทพมงคลโสภณ (โสภณ ปญฺญาโสภโณ) เจ้าอาวาสวัดเสนาสนาราม ราชวรวิหาร เพื่อเป็นสาธารณะกุศล แก่พระภิกษุสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนที่มาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา

HSEM_T_Leasing

10.11 โปรโมชั่นเด็ดจาก เอช เซม

เพียงซื้อรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่งาน H SEM T Leasing Motorbike Show ก็มีสิทธิ์ลุ้นไปพักผ่อนสุด Chill ที่กระบี่ 3 วัน 2 คืนแล้ว! มาเจอกันได้ที่บูธ เอช เซม ชั้น G Avenue A-B ศูนย์การค้า MBK ตั้งแต่วันที่ 10-16 พฤศจิกายน 2563 นี้!

Tleasing

เอช เซม ร่วมงานแถลงข่าว ” T Leasing Motorbike Show “

โดยในครั้งนี้ทาง เอช เซม ได้ร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่นำนวัตกรรมยานยนต์ด้านพลังงานไฟฟ้าไปร่วมแสดงโชว์ที่ใจกลางกรุงเทพฯ เพื่อให้ทุกท่านได้สัมผัสและเยี่ยมชมกับนวัตกรรมยานยนต์ของเรา

โดยคุณรัตชนก หวังเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอช เซม เทรดดิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้เข้าร่วมงานแถลงข่าวและประชาสัมพันธ์สินค้า กิจกรรมภายในบูธ รวมถึงโปรโมชั่นสุดพิเศษภายในงานครั้งนี้ด้วย โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-16 พฤศจิกายน 2563 ณ ชั้น G ลานอเวนิว โซน เอ และ บี ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์

รับรางวัล

เอช เซม รับรางวัล โรงงานสีขาว

บริษัท เอช เซม มอเตอร์ และบริษัทในเครือ เข้ารับรางวัล Ayutthaya Labour Award 2020 โดยคุณวันชัย ลี้นะวัฒนา ประธานเจ้าหน้าทีบริหาร นำทีมผู้บริหารบริษัทในเครือรับรางวัล ” เกียรติบัตรการจัดการด้านยาเสพติดในสถานประกอบกิจการตามโครงการโรงงานสีขาว ประจำปี 2563 ”

โดยผ่านการคัดเลือกจากสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากผู้ผ่านการคัดเลือกจำนวน 198 สถานประกอบการ ซึ่งภายในงานได้รับเกียรติจาก นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เป็นประธานในพิธี และนายพรพจน์ บัณฑิตยานุรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้มอบรางวัล เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2563 ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมกรุงศรีริเวอร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

โปรตุลาคม1

เปลี่ยนใหม่ง่ายกว่า กับ เอช เซม

เปลี่ยนใหม่ง่ายกว่า กับ เอช เซม ไม่ว่าคุณจะมีรถแบบไหน จะเป็น 2 ล้อ 3 ล้อ 4 ล้อไฟฟ้า หรือ 2 ล้อ 3 ล้อเครื่องยนต์ ก็เปลี่ยนมาเป็น สินค้าของ เอช เซม ได้ แถมเงินกับบ้านไปใช้ฟรีๆ

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

สามล้อเครื่องยนต์

เคล็ดไม่ลับ กับ วิธีดูแล รถสามล้อเครื่องยนต์

เมื่อพูดถึง รถสามล้อเครื่องยนต์ หลายคนมักจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับรถสามล้อเครื่องยนต์ว่าเป็นยานพาหนะที่ค่อนข้างดูแลง่าย ไม่ค่อยมีอะไรให้จุกจิกวุ่นวายมากนัก แต่ใช่ว่าคุณจะปล่อยปละละเลยการดูแลรถสามล้อเครื่องยนต์ได้นะ ด้วยเหตุนี้เอง H SEM จึงไม่รอช้าที่จะนำเสนอวิธีดูแลรถสามล้อเครื่องยนต์ งานนี้จะมีวิธีอะไรบ้างที่จะทำให้รถสามล้อเครื่องยนต์ของคุณอยู่ทน อยู่นาน เราขอบอกเลยว่าห้ามพลาด!

5 วิธีดูแล รถสามล้อเครื่องยนต์ ให้ทนทาน อยู่นานกว่าที่เคย

จริงอยู่ที่ว่า รถสามล้อเครื่องยนต์ นั้นเป็นยานพาหนะที่แข็งแกร่ง ทนทาน น่าจะไม่ต้องดูแลอะไรมากมาย แต่ใช่ว่าเรื่องนี้จะสามารถละเลยได้นะ เพื่อที่รถของคุณจะได้อยู่ทน อยู่นานตามอายุการใช้งานที่ได้ระบุเอาไว้ เราจึงขอเสนอ 5 วิธีดูแลรถสามล้อเครื่องยนต์ให้ทนทาน อยู่นานกว่าที่เคย จะมีวิธีใดบ้างเลื่อนลงไปอ่านพร้อมกันเลยดีกว่า!

1. หมั่นเช็คลมยางทุกครั้งไม่ให้ขาด

สำหรับเรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่สำคัญมาก เนื่องจากลมยางนั้นมีผลต่อสมรรถนะการขับขี่เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านการควบคุม, การบังคับเลี้ยว, การเบรก และ ความประหยัดน้ำมัน เพื่อที่รถสามล้อเครื่องยนต์ของคุณจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น เราขอแนะนำให้คุณหมั่นดูแลและเช็คลมยางให้เป็นไปตามข้อแนะนำอยู่เสมอ เพียงแค่นี้ก็จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่มากขึ้นแล้ว อย่าลืมว่าหากรถสามล้อเครื่องยนต์มีลมยางที่อ่อนเกินไปหรือแข็งเกินไป อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้

2. น้ำมันเครื่องต้องเช็คทุกครั้งก่อนใช้งาน

สำหรับเรื่องนี้เองก็เป็นอะไรที่สำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้นก่อนที่จะมีการใช้งานใด ๆ ก็ตามแต่ เจ้าของรถสามล้อเครื่องยนต์อย่างคุณก็ควรที่จะตรวจน้ำมันเครื่องเสมอ หากพบว่าน้ำมันเครื่องเปลี่ยนเป็นสีดำ ให้ทำการถ่ายน้ำมันเครื่องทันที หรือไม่ก็ทำการถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะที่กำหนดทันที เพื่อยืดอายุการทำงานของเครื่องยนต์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น

เนื่องจากน้ำมันเครื่องนั้นมีส่วนช่วยในการชำระล้างเครื่องยนต์ การที่น้ำมันเครื่องสีใสเปลี่ยนเป็นสีดำแล้วคุณไม่ทำการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องแล้วละก็ ผลที่ตามมาก็คือเนื่องจากน้ำมันเครื่องมีสีดำเนื่องจากสิ่งสกปรกและความหนืดที่สูงขึ้น ด้วยผลลัพธ์ดังกล่าวทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ท้ายที่สุดเครื่องยนต์ก็เกิดการสึกหรอ

3. ระดับน้ำในหม้อน้ำต้องสมดุล

ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าหน้าที่สำคัญของหม้อน้ำรถยนต์ คือ ช่วยระบายความร้อนส่วนเกินจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์  เพราะการเผาไหม้เชื้อเพลิงแต่ละครั้งจะมีอุณหภูมิสูงมาก ความร้อนที่เกิดขึ้นจะต้องใช้น้ำยาหล่อเย็นเป็นตัวช่วยในการนำพาความร้อนส่วนเกินนี้มาลดอุณหภูมิที่บริเวณรังผึ้งหม้อน้ำโดยมีพัดลมหม้อน้ำเป็นตัวช่วยให้เย็นลง ทำให้การรักษาระดับหม้อน้ำเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย

โดยที่หม้อน้ำจะมีสัญลักษณ์บอกว่าตรงไหนคือระดับน้ำที่เหมาะสม หากน้ำน้อยเกินไปอาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนผิดปกติจนนำมาสู่ปัญหาที่ทำให้อุปกรณ์รถส่วนอื่นเสียหายได้ ดังนั้นคุณจึงต้องหมั่นเติมน้ำให้อยู่ในระดับที่แนะนำเสมอ

4. เช็คระยะในการใช้งานทุก 1,000 กิโล

สำหรับข้อนี้เราขอบอกเลยว่าสัมพันธ์กันกับการเช็คน้ำมันเครื่อง เนื่องจากระยะทางทุก 1,000 กิโลจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องพอดี ซึ่งการทำแบบนี้นอกจากจะทำให้คุณรู้สึกอุ่นใจ ปลอดภัยขณะขับขี่มากขึ้นแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของรถสามล้อเครื่องยนต์อีกด้วย เนื่องจากอะไหล่บางตัวเมื่อมีการสึกหรอ ก็จะส่งผลให้ตัวอื่นสึกหรอตามไปด้วยนั่นเอง ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่อาจจะบานปลาย

5. เช็คช่วงล่างก่อนใช้งานและ ตรวจสอบระบบเบรกเสมอ

สำหรับข้อสุดท้ายนี้เรียกได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็ว่าได้ นั่นก็คือการตรวจสอบช่วงล่าง ตรวจสอบระบบเบรกอยู่เสมอนั่นเอง เพราะคุณไม่มีทางรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับรถของคุณ เพื่อความไม่ประมาทคุณควรที่จะเช็คช่วงล่างหรือระบบเบรค ก่อนใช้งานเสมอ ห้ามละเลยเป็นอันขาด อย่างน้อย ๆ ก็เพื่อความสบายใจของคุณ

และนี่ก็คือสาระดี ๆ ที่ H SEM นำมาฝากคุณผู้อ่านกันในวันนี้ หลังจากที่อ่านบทความนี้จบเราเชื่อเหลือเกินว่าคุณผู้อ่านทุกท่านจะนำไปปรับใช้สำหรับดูแลรถสามล้อเครื่องยนต์ของคุณให้อยู่ทน อยู่นาน ตามอายุการใช้งานนะ

โปรตุลาคม

H SEM Inter Care Asia 2020

เอช เซม ร่วมงานแสดงสินค้า “Inter Care Asia 2020” งานแสดงสินค้าเทคโนโลยี นวัตกรรมสำหรับผู้สูงอายุและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ โดยภายในบูธ เอช เซม เราขนสินค้าที่ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย และทุกการใช้งาน พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะภายในงาน รับส่วนลดสูงสุด 20,000 บาท* และของแถมอีกมากมาย พบกันได้ที่ บูธ C60 HALL EH101 ไบเทคบางนา ตั้งแต่วันนี้ – 17 ตุลาคม 2563 เท่านั้น

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัททำหน
ดูข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.hsemmotor.com/

โปรสิงหาคม9

Test It !!! ลองได้ที่บ้านคุณ กับ H SEM MOTOR

เอช เซม เปิดโอกาส ได้ทดลองขับขี่ สัมผัสประสบการณ์โดยตรง กับ กิจกรรม H SEM Test At Home โดยให้ทุกท่านสามารถทดลองขับขี่ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และสามล้อไฟฟ้าทุกรุ่น ง่ายๆ ส่งให้ลองถึงหน้าบ้านคุณ

ขั้นตอนจองสิทธิ์

1.ดาวน์โหลด Line Official H SEM กดค้นหาและพิมพ์ @HSEMMOTOR หรือ กดลิงค์ http://line.me/ti/p/%40vii0910b
2.กดลงทะเบียนที่ฟังก์ชั่นหน้าแรกตรงคำว่า H SEM Test At Home
3.กรอกรายละเอียดข้อมูลให้ครบถ้วน เลือกสินค้าที่ และวันเวลาที่จะทดสอบ
เพียงเท่านี้คุณก็ได้ทดสอบสินค้า เอช เซม ได้ที่บ้าน ไม่ต้องมาที่โชว์รูม ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2563 เท่านั้น ช้าหมด อดขี่ที่บ้านนะ

Auto-Show

เอช เซม ร่วมงาน Ayutthaya City Park Auto Show 2020

เมื่อเร็วๆ นี้ คุณวันชัย ลี้นะวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอช เซม เทรดดิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (คนที่ 3 จากซ้าย) และทีมบริหาร ถ่ายภาพร่วมกับ ดร.สมพล รัชตพิมลชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด ศูนย์การค้าอยุธยาซิตี้พาร์ค (คนที่ 3 จากขวา) ในงานแถลงข่าว Ayutthaya City Park Auto Show 2020 ซึ่ง เอช เซม ได้นำรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า รถสามล้อ และสี่ล้อไฟฟ้า มาจัดแสดงระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 8 พฤศจิกายน 2563 ณ The Hall Convention Center ศูนย์การค้าอยุธยาซิตี้พาร์ค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

โปรสิงหาคม8

ฝนนี้ไม่เปียก กับ รถสามล้อไฟฟ้า MJ 800

ฝนนี้ไม่เปียก กับ รถสามล้อไฟฟ้า MJ 800 รับส่วนลดทันที 7,500 บาท เหลือเพียงคันละ 37,500 บาทเท่านั้น ราคาดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เฉพาะ เอช เซมเท่านั้น

– ราคาปกติ 45,000 บาท ลดเหลือเพียง 37,500 บาท
– รับประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่ 1 ปี
– บริการหลังการขายถึงบ้านคุณ ( Onsite Service )
– ชุด Gift Set และของแถมอีกมากมาย
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ดูข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.hsemmotor.com/mj-800/

โปรสิงหาคม7

โปรเดย์ โปรดี ส่งท้ายปี กับ เอช เซม

โปรเดย์ โปรดี ส่งท้ายปี กับ เอช เซม คุ้มยิ่งกว่าที่เคย เพียงเช่าดำเนินการ (OL) รถกอล์ฟไฟฟ้า กับทาง เอช เซม มอเตอร์ฟรีเช่าดำเนินการสูงสุดสุด 3 เดือนแรก* และ เช่าได้สูงสุดถึง 5 ปี*- เช่าดำเนินการเริ่มต้น 4,xxx บาท- รับประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่นานสูงสุด 5 ปี*- บริการหลังการขายถึงบ้านคุณ ( Onsite Service )- แถมฟรีร่ม 1 คัน*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนดดูข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.hsemmotor.com/

โปรตุลาคม4

H SEM END SALE โปร STC ท้ายปี สุดปัง!

H SEM END SALE เพียงแค่ซื้อ รถสามล้อเครื่องยนต์ เอช เซม มอเตอร์ รุ่นใดก็ได้*
รับทันที! สิทธิพิเศษมากมาย อาทิ

– บริการส่งฟรีทั่วประเทศ
– บัตรสมนาคุณสุดพิเศษ
– ผ่อนสูงสุด 24 เดือน

ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 – 31 ธันวาคม 2563
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด และเฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการเท่านั้น

โปรตุลาคม3

H SEM END SALE โปรท้ายปีสุดปัง!

H SEM END SALE เพียงแค่ซื้อ รถสามล้อไฟฟ้า เอช เซม มอเตอร์ รุ่นใดก็ได้*รับทันที! สิทธิพิเศษมากมาย อาทิ- บริการส่งฟรีทั่วประเทศ- บัตรสมนาคุณสุดพิเศษ- ผ่อนสูงสุด 36 เดือนตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 – 31 ธันวาคม 2563 *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด และเฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการเท่านั้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.hsemmotor.com/

free-test-drive

Test Drive อยากให้ลอง รับรองโดนใจ

วันนี้ทาง บริษัท ดับบลิว เอ็น แมนเนจเม้นท์ จำกัด ได้นำรถสามล้อไฟฟ้า ของ เอช เซม ไปทดสอบการขับขี่ ที่เขื่อนขุนด่านปราการชล จ. นครนายก
ท่านใดสนใจที่จะทดสอบสินค้า โทร 099-0011888 ได้เลย
อย่ามัวมอง..ถ้าได้ลองจะติดใจ

2N4A0603-8

“เอชเซม” ตั้งบ.เทรดดิ้งปูพรมทำตลาดสองล้ออีวี

“เอช เซม” สยายปีกคลุมตลาดลุ่มน้ำโขง ตั้ง “เอช เซม เทรดดิ้งฯ”บุกมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเต็มสูบ

นายวันชัย ลี้นะวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัดผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า รถกอล์ฟไฟฟ้า รถสามล้อไฟฟ้า และรถสามล้อเครื่องยนต์อเนกประสงค์ เปิดเผยว่า บริษัทได้ขยายตลาดครอบคลุมพื้นที่ประเทศลุ่มน้ำโขง (CLMV)

โดยตั้งบริษัท เอช เซมเทรดดิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (H SEM Trading Corporation Co.,Ltd.) เป็นบริษัทตัวแทนจำหน่าย รับผิดชอบดูแลการจัดจำหน่าย แต่งตั้งดีลเลอร์ และกำหนดกลยุทธ์การตลาดให้กับสินค้าของเอช เซมฯ ทั้งในประเทศไทยและประเทศในเขตภูมิภาคลุ่มน้ำโขง หรือ CLMV เพื่อเพิ่มศักยภาพในการจัดจำหน่ายและการบริหารจัดการ

โดยมีนางสาวรัตชนก หวังเจริญ เป็นกรรมการผู้จัดการและมอบหมายให้นางสาวมัญชรี สงเคราะห์ ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด รับผิดชอบดูแลโรงงาน ควบคุมการผลิตสินค้าทุกประเภท ภายใต้ชื่อ “เอช เซมฯ” โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2563 เป็นต้นไป

“ฮั้วเฮงหลี ซึ่งขายเครื่องจักรกลการเกษตรไปต่างประเทศอยู่แล้วนั้น ทำให้เรามีฐานลูกค้าเดิมที่สามารถต่อยอดธุรกิจได้ โดยกลุ่มประเทศที่เราจะ focus ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม เนื่องจากมีสภาพตลาดและการใช้งานคล้ายประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่มีความเชื่อมั่นในสินค้าไทยอีกด้วย”

นายวันชัยกล่าวอีกว่า ปีนี้ตั้งเป้าหมายที่จะเจรจากลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจเดิมที่ซื้อขายเครื่องจักรกลการเกษตรที่อยู่ในต่างประเทศให้แล้วเสร็จ และในปี 2564 จะเริ่มต้นส่งสินค้าทดสอบและจัดจำหน่ายในต่างประเทศ

การขยายตลาดอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทต้องเพิ่มกำลังผลิตอีกบางส่วน ซึ่งอยู่ระหว่างติดตั้งสายพานการประกอบรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่ม และยังพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยใช้อะไหล่ในไทยเพิ่มขึ้น เพื่อให้สินค้ามีคุณภาพ และเหมาะสมกับการใช้งานในกลุ่มประเทศ CLMV

“ตลาดในแต่ละพื้นที่มีการใช้รถจักรยานยนต์เป็นส่วนใหญ่ โดยเอช เซมฯ จะเน้นจักรยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งกลุ่ม highend จะเป็นรุ่น H SEM WING กลุ่มเพื่อการพาณิชย์ H SEM MOBILA กลุ่มทั่วไปใช้งานในเมือง เป็น H SEM CIAO”

ส่วนตลาดในประเทศไทยเริ่มวางตลาดอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน 2563 ซึ่งทั้ง 3 รุ่นเป็นรถที่จดทะเบียนได้ถูกต้องตามกฎหมาย คาดว่าจะจำหน่ายได้ในปีนี้ประมาณ 600 คัน

สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั้ง 3 รุ่นที่จะออกจำหน่ายนี้ ประกอบด้วยรุ่นเอช เซม เชา เป็นรถที่ใช้มอเตอร์ขับเคลื่อน DC 60V 2000W มีชื่อเรียกว่า Brushless Hub-Motors ความเร็วสูงสุด 60 กม./ชม. มาพร้อมกุญแจรีโมต ปุ่มกดสตาร์ต สัญญาณกันขโมย และระบบครุยส์คอนโทรลสำหรับล็อกความเร็ว มีให้เลือก 4 สี คือ แดง เหลือง ฟ้า และขาว ราคา 49,700 บาท

โปรสิงหาคม-6jpg

โปรโมชั่นสุดคุ้ม ให้คุ้มกว่าที่เคย

3 โปรโมชั่นสุดคุ้ม ให้คุ้มกว่าที่เคย กับรถกอล์ฟไฟฟ้า ของ เอช เซม มอเตอร์ รับทันทีโปรโมชั่น 3 คุ้ม – คุ้มที่ 1 ซือสด รับส่วนลดทันที 5%*- คุ้มที่ 2 เช่าซื้อ ดอกเบี้ยถูกลง 0.5% *หรือ ดาวน์ต่ำ เริ่มต้น 27,XXX บาท* – คุ้มที่ 3 เช่าดำเนินการ สูงสุด 5 ปี* + ฟรีเช่าดำเนินการสูงสุด 3 เดือน* คุ้มขนาดนี้ โปรดีขนาดนี้ ที่นี่ที่เดียว *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัททำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติม :https://www.hsemmotor.com

Jello-S

เอช เซม ส่งมอบรถ Jello S ให้นายกเหล่ากาชาดจังหวัด ฯ

คุณวันชัย ลี้นะวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด ส่งมอบรถสี่ล้อไฟฟ้ารุ่น Jello S ให้ นางนวลจันทร์ แย้มศรี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในกิจการของเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี ร้อยตำรวจตรีหญิง สายสุนี ยมานันท์ นายอำเภอบางปะหัน ผู้บริหารบริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัด ร่วมเป็นสักขีพยาน

เกี่ยวกับ เอช เซม

บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด คือ บริษัทในเครือของ ฮั้วเฮงหลี กรุ๊ป บริษัทที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับธุรกิจทางด้านเครื่องจักรกลทางการเกษตร ธุรกิจทางด้านยานยนต์และกลุ่มรถพลังงานไฟฟ้ามามากกว่า 40 ปี โดยบริษัทฯ ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2559

“นายวันชัย ลี้นะวัฒนา” ผู้บริหารบริษัทฯ ได้ดำเนินการต่อยอดทางธุรกิจ ด้วยการผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภท รถกอล์ฟไฟฟ้า รถชมวิวไฟฟ้า รถมอเตอร์ไซค์สามล้อไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ SEV และรถสามล้อบรรทุกแบบเครื่องยนต์ ภายใต้แบรนด์ STC พร้อมด้วยการบริการหลังการขาย โดยช่างและผู้ชำนาญการที่ได้มาตรฐานและครบวงจร

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะยกระดับฝีมือคนไทย รวมทั้งมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ และไม่หยุดนิ่งที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าในการพัฒนาการบริการ และการดูแลลูกค้าทุกท่านอย่างดีที่สุดด้วยใจ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hsemmotor.com

บางปะหัน

อำเภอบางปะหัน ศึกษาดูงาน บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด

อำเภอบางปะหัน ศึกษาดูงาน บริษัท อช เซม มอเตอร์ จำกัด ตามนโยบายของอำเภอบางปะหันเพื่อให้นายอำเภอ ปลัดอำเภอประจำตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำในท้องที่ และหัวหน้าส่วนราชการในอำเภอบางปะหัน ทำงานเชิงรุก ออกไปเรียนรู้ความเป็นอยู่คนในพื้นที่พร้อมศึกษาบริษัทต่าง ๆ เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจ

เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2563 ณ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด ที่ผ่านมา โดยกิจกรรมในงานนั้นมีกิจกรรมมากมาย อาทิ ชม Profile Company, เยี่ยมชมโรงงาน, ทดสอบประสิทธิภาพรถ และมอบของที่ระลึกพร้อมถ่ายรูปร่วมกัน

เกี่ยวกับ เอช เซม มอเตอร์

บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด คือ บริษัทในเครือของ ฮั้วเฮงหลี กรุ๊ป บริษัทที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับธุรกิจทางด้านเครื่องจักรกลทางการเกษตร ธุรกิจทางด้านยานยนต์และกลุ่มรถพลังงานไฟฟ้ามามากกว่า 40 ปี โดยบริษัทฯ ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2559

“นายวันชัย ลี้นะวัฒนา” ผู้บริหารบริษัทฯ ได้ดำเนินการต่อยอดทางธุรกิจ ด้วยการผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภท รถกอล์ฟไฟฟ้า รถชมวิวไฟฟ้า รถมอเตอร์ไซค์สามล้อไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ SEV และรถสามล้อบรรทุกแบบเครื่องยนต์ ภายใต้แบรนด์ STC พร้อมด้วยการบริการหลังการขาย โดยช่างและผู้ชำนาญการที่ได้มาตรฐานและครบวงจร

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะยกระดับฝีมือคนไทย รวมทั้งมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ และไม่หยุดนิ่งที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าในการพัฒนาการบริการ และการดูแลลูกค้าทุกท่านอย่างดีที่สุดด้วยใจ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hsemmotor.com

โปรสิงหาคม-5

โดนใจทุกดีไซน์ ลงตัวทุกการเดินทาง

โดนใจทุกดีไซน์ ลงตัวทุกการเดินทาง กับ PIXEL เพียงซื้อรถสามล้อไฟฟ้ารุ่น PIXEL ได้แก่ Truck / Trio / Delivery วันนี้ รับทันที บัตรสมนาคุณมูลค่า 2,000 บาท พร้อมชุด Gift SET อีกมากมาย ราคาเริ่มต้น 90,000 บาท – ชาร์จไฟครั้งละ 4 บาท – รับประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่ 1 ปี* – บริการหลังการขายถึงบ้านคุณ ( Onsite Service ) ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2563 เท่านั้น *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัททำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติม :https://www.hsemmotor.com

โปรสิงหาคม-4

ลดสุดขีด คุ้มทุกคัน

ลดสุดขีด คุ้มทุกคัน กับ Gendai ซื้อรถสามล้อไฟฟ้า Gendai วันนี้ รับส่วนลดทันที 7,500 บาท พร้อมขายในราคา 41,500 บาท ลดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว รับประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่ 1 ปี* บริการหลังการขายถึงบ้านคุณ ( Onsite Service )

นอกจากนี้ยังไม่พอ! ให้คุณขนทั้งของ ขนทั้งเงิน กับ PIXEL TRUCKเพียงซื้อรถสามล้อไฟฟ้า PIXEL TRUCK รับทันที บัตรสมนาคุณมูลค่า 2,000 บาท และผ่อนนานสูงสุด 24 เดือน พร้อมชุด Gift SET อีกเพียบ ขนทั้งของ ขนทั้งเงิน กับ PIXEL TRUCK ราคา 99,000 บาท บรรทุกได้ 300 กก. ความเร็วสูงสุด 50 กม./ชม. ระยะทางสูงสุด 55 กม. ชาร์จไฟครั้งละ 4 บาท รับประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่ 1 ปี* บริการหลังการขายถึงบ้านคุณ ( Onsite Service )

ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2563 เท่านั้น *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัททำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติม :https://www.hsemmotor.com

โปรสิงหาคม3

ลดหนัก จัดเต็ม คุ้มกว่าที่เคย

สินค้ามีจำนวนจำกัด ลดหนัก จัดเต็ม คุ้มกว่าที่เคย ซื้อรถสามล้อไฟฟ้า Candy Box วันนี้ รับส่วนลดทันที 20,000 บาท พร้อมขายในราคา 25,000 บาท เท่านั้น ลดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว พร้อมชุด Gift Set และของแถมอีกมากมาย ราคาพิเศษเพียง 25,000 บาท จากราคาปกติ 45,000 บาท – ชาร์จไฟครั้งละ 4 บาท – รับประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่ 1 ปี* – บริการหลังการขายถึงบ้านคุณ ( Onsite Service ) *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัททำหนด

ตัวแทนจำหน่าย

เอช เซม แต่งตั้งบริษัทผู้แทนจำหน่าย

บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า รถกอล์ฟไฟฟ้า รถสามล้อไฟฟ้า และรถสามล้อเครื่องยนต์อเนกประสงค์ ได้แต่งตั้ง บริษัท เอช เซม เทรดดิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (H SEM Trading Corporation Co.,Ltd.) เป็นบริษัทตัวแทนจำหน่ายรับผิดชอบดูแลการจัดจำหน่าย แต่งตั้งดีลเลอร์ และกำหนดกลยุทธ์การตลาดให้กับสินค้าของ เอช เซม ทั้งในประเทศไทย และประเทศในเขตภูมิภาคลุ่มน้ำโขง หรือ CLMV โดยมีคุณรัตชนก หวังเจริญ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ

พร้อมกันนี้ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด ได้แต่งตั้งคุณมัญชรี สงเคราะห์ ดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด รับผิดชอบดูแลโรงงาน ควบคุมการผลิตสินค้าทุกประเภท ภายใต้ชื่อ “เอช เซม” โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา

เกี่ยวกับ เอช เซม มอเตอร์

บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด คือ บริษัทในเครือของ ฮั้วเฮงหลี กรุ๊ป บริษัทที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับธุรกิจทางด้านเครื่องจักรกลทางการเกษตร ธุรกิจทางด้านยานยนต์และกลุ่มรถพลังงานไฟฟ้ามามากกว่า 40 ปี โดยบริษัทฯ ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2559

“นายวันชัย ลี้นะวัฒนา” ผู้บริหารบริษัทฯ ได้ดำเนินการต่อยอดทางธุรกิจ ด้วยการผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภท รถกอล์ฟไฟฟ้า รถชมวิวไฟฟ้า รถมอเตอร์ไซค์สามล้อไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ SEV และรถสามล้อบรรทุกแบบเครื่องยนต์ ภายใต้แบรนด์ STC พร้อมด้วยการบริการหลังการขาย โดยช่างและผู้ชำนาญการที่ได้มาตรฐานและครบวงจร

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะยกระดับฝีมือคนไทย รวมทั้งมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ และไม่หยุดนิ่งที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าในการพัฒนาการบริการ และการดูแลลูกค้าทุกท่านอย่างดีที่สุดด้วยใจ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hsemmotor.com

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.naewna.com

โปรตุลาคม2

เอช เซม ตีเทิร์น เก่าไปใหม่มา

เอช เซม ตีเทิร์น เก่าไปใหม่มา ที่แรกในประเทศไทยเอช เซม มอเตอร์ รับตีเทิร์น รถทุกรุ่นทุกยี่ห้อ! ไม่ว่าจะเป็นรถกอล์ฟ รถสามล้อทุกประเภท รถจักรยานยนต์เครื่องยนต์ หรือ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เปลี่ยนเป็นรถใหม่ของ เอช เซม ได้ทุกรุ่น* รับเทิร์นที่นี่ ที่ เอช เซม มอเตอร์ ที่เดียว! *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนดเท่านั้น

Big-Motor

6 รถพลังงานไฟฟ้าน่าสนใจจาก H SEM ในงาน Big Motor Show

เปิดงาน Big Motor แล้วทั้งที H SEM ก็ไม่พลาดที่จะนำเสนอ 6 รุ่นรถพลังงานไฟฟ้าน่าสนใจจากเราที่จะนำไปออกงาน Big Motor Show 2020 งานนี้จะมีรถรุ่นไหนบ้าง เลื่อนลงไปอ่านพร้อมกันกับเราได้ที่ด้านล่างนี้เลย!

6 รุ่นรถพลังงานไฟฟ้าจาก H SEM ประจำงาน Big Motor Show 2020

1. FLEX Electric Vehicle

รถสามล้อไฟฟ้าที่มาพร้อมกับดีไซน์โดดเด่นสะดุดตา ไม่เหมือนใคร กับคอนเซ็ปต์ “ทางเลือกใหม่สำหรับการขับขี่” มีที่นั่งผู้โดยสารรวมคนขับถึง 3 ที่นั่ง ให้คุณขับขี่คล่องตัวได้อย่างมั่นใจ กับมอเตอร์ขับเคลื่อน 1 กิโลวัตต์ ระบบความเร็วต่อเนื่อง 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมระบบดิสเบรกล้อหน้าและหลัง เสริมความปลอดภัยด้วยรีโมทสัญญาณกันขโมย และเข็มขัดนิรภัย

เรื่องระยะทางการขับขี่บอกเลยว่าหายห่วง! เพราะรถคันนี้สามารถขับขี่ได้ไกลถึง 60 กม./ชม. หมดห่วงเรื่องปัญหาในการทรงตัวของคนขับขี่รถ 2 ล้อ เพราะรถคันนี้มีด้วยกันถึง 3 ล้อ จบปัญหาเดิม ๆ ที่คนขับขี่รถสองล้อไฟฟ้าต้องเจออย่างรถล้มได้เลย!

2. BUDDY

รถสามล้อไฟฟ้าน้องใหม่จาก H SEM ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่แปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร เฉิดฉายได้ตลอดทุกเส้นทางแม้มีพื้นที่จำกัด โดยรถสามล้อไฟฟ้ารุ่นนี้มีทั้งหมด 2 รูปแบบ ดังนี้

รถสามล้อไฟฟ้าสำหรับ 1 ที่นั่ง มาพร้อมกับมอเตอร์ขับเคลื่อนขนาด 500 W. แบตเตอรี่ 12V 20AH จำนวน 4 ลูก ระบบเกียร์เป็นแบบเดินหน้า 3 เกียร์ ถอยหลัง 1 เกียร์ สามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วสูงสุด 25 กม./ชม. โดยรถคันนี้สามารถวิ่งได้ต่อเนื่องสูงสุดถึง 50 กม.

  • BUDDY S 

รถสามล้อไฟฟ้าสำหรับ 2 ที่นั่ง มาพร้อมกับมอเตอร์ขับเคลื่อนขนาด 500 W. แบตเตอรี่ 12V 20AH จำนวน 4 ลูก ระบบเกียร์เป็นแบบเดินหน้า 3 เกียร์ ถอยหลัง 1 เกียร์ สามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วสูงสุด 25 กม./ชม. โดยรถคันนี้สามารถวิ่งได้ต่อเนื่องสูงสุดถึง 50 กม.

3. PIXEL

รถสามล้อไฟฟ้าสีสันน่ารักโดนใจที่มาด้วยกันถึง 3 รูปแบบให้คุณเลือกใช้งานตามไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เป็นคุณ ดังนี้

  • PIXEL DELIVERY Electric Vehicle

ปลดล็อกมิติใหม่แห่งการขนส่งด้วยรถสามล้อไฟฟ้าที่มาพร้อมกล่องเก็บของด้านหลัง ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ขนาด 2,000 W. ความเร็วสูงสุดถึง 45 กม./ชม. ระยะทางสูงสุด 80 กม./ชม. พิเศษกับระบบเครื่องเสียงบลูทูธ ให้คุณสุขได้ตลอดการเดินทาง

  • PIXEL TRUCK Electric Vehicle

แตกต่างอย่างลงตัวกับ รถสามล้อไฟฟ้าพ่วงกระบะด้านหลัง ให้คุณบรรทุกสิ่งของได้อย่างจุใจกับความสามารถในการบรรทุกที่หนักถึง 300 กิโลกรัม ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ 4.5 กิโลวัตต์ ความเร็วสูงสุดถึง 50  กม./ชม. ระยะทางสูงสุด 55 กม./ชม.

  • PIXEL TRIO Electric Vehicle

มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร สุขได้ตลอดเส้นทางด้วยรถสามล้อไฟฟ้าสีสันโดนใจ มาพร้อมกับระบบเครื่องเสียงบลูทูธคุณภาพดี คอยบรรเลงดนตรีให้คุณฟังตลอดทาง ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ขนาด 2,000 วัตต์ ความเร็วสูงสุดถึง 46  กม./ชม. ระยะทางสูงสุด 70 กม./ชม.

4. CIAO

รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าดีไซน์สุดจี๊ด สีสันโดนใจที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ความเป็นคุณ ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมโหมดปรับความเร็วถึง 3 ระดับ ระบบเกียร์ เดินหน้า 3 เกียร์ 

โดยรถคันนี้สามารถทำระยะทางได้สูงสุดถึง 48 กิโลเมตรเลยทีเดียว

5. MOBILA

อิสระทุกความรู้สึก ไปกับการขับขี่ที่ไร้ขีดจำกัด กับ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ออกมาด้วยกันถึง 2 รูปแบบ คือ MOBILA G และ MOBILA S คู่แฝดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมกับความแตกต่างอย่างลงตัว

  • MOBILA G

อิสระทุกการขับขี่กับดีไซน์ที่ออกแบบมาสำหรับคุณ ด้วยเทคโนโลยีเกียร์มอเตอร์ประสิทธิภาพสูงขนาด 3,000 วัตต์ ที่ออกมาเพื่อการขับขี่ของ MOBILA G โดยเฉพาะ ให้ทุกการขับเคลื่อนคล่องตัว เสมือนกำลังขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป แตกต่างตรงที่รถรุ่นนี้ไม่กินน้ำมัน โฉบเฉี่ยวกว่าที่เคยด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

  • MOBILA S

อิสระทุกการขับขี่กับดีไซน์ที่ออกแบบมาสำหรับคุณ กับ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า MOBILA S นวัตกรรมการขับขี่ที่ดีที่สุดสำหรับโลก มาพร้อมกับความเร็วสูงสุดถึง 60 กม./ชม. ให้คุณเลือกได้ตามใจกับระบบฟังก์ชั่นโหมดปรับความเร็วได้ถึง 2 ระดับ คือ โหมด High & Low พิเศษกับเทคโนโลยีเดินหน้า-ถอยหลังให้ชีวิตคุณง่ายยิ่งขึ้น!

6. WINGS

ความหรูหราอีกระดับที่ใช่ บอกสไตล์ในตัวคุณ ด้วยดีไซน์สุด Luxury ของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจาก H SEM ที่มาพร้อมกับความเร็วสูงสุดถึง 60 กม./ชม. สามารถปรับความเร็วได้ถึง 3 ระดับ โดยรถคันนี้สามารถขับขี่ได้ไกลถึง 60 กม./ชม. เลยทีเดียว 

และนี่ก็คือสาระดี ๆ เกี่ยวกับงาน Big Motor ที่เรานำมาฝากในวันนี้ เท่านั้นยังไม่พอ! เตรียมพบกับ

 Deal สุดพิเศษ และลุ้น Big Surprise ถึง 10 รางวัล รวมมูลค่ามากกว่า 100,000 บาท โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด โดยงาน BIG MOTOR SALE 2020 จะมีขึ้นในวันที่ 21 – 30 สิงหาคม 2563 บูธ เอช เซม มอเตอร์ B12 HALL 105 ไบเทค บางนา ไม่อยากพลาดโปรโมชั่นดี ๆ ก็ต้องรีบมานะบอกเลย !

โปรสิงหาคม-2

H SEM Big Motor Sale 2020

H SEM Big Motor Sale 2020 พบกับ Deal สุดพิเศษ และลุ้น Big Surprise ถึง 10 รางวัล รวมมูลค่ามากกว่า 100,000 บาท* ที่งาน BIG MOTOR SALE 2020 บูธ เอช เซม มอเตอร์ B12 HALL 105 ไบเทค บางนา หรือตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 21 – 30 สิงหาคม 2563 เวลาเข้าชม วันธรรมดา 12.00-21.00 น. / วันเสาร์-อาทิตย์ 11.00-21.00 น. แล้วไปพบกันที่ บูธ เอช เซม นะคะ*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

โปรสิงหาคม

H SEM HOT Deal ดีลแรง…ท้าลมฝน

H SEM HOT Deal ดีลแรง…ท้าลมฝน โปรโมชั่นที่คุณเลือกได้ คุ้มคว่ากว่าที่เคย เพียงแค่ ซื้อผลิตภัณฑ์ ของทางบริษัท เอช เซม มอเตอร์ รับไปเลย ข้อเสนอสุดพิเศษ ที่นี่ที่เดียว ตั้งแต่วันที่ 1 – 30 ก.ย. 2563 อาทิ

สิทธิพิเศษที่คุณเลือกได้ ตอบโจทย์ทุกการใช้งานเพียงแค่ซื้อ รถกอล์ฟไฟฟ้า ของ เอช เซม มอเตอร์ก็มีสิทธิเลือกโปรโมชั่นได้เหมาะสมต่อความต้องการ
ซื้อสด : รับส่วนลดทันที 5%*
เช่าซื้อ : ดอกเบี้ยถูกลง 0.5% *หรือ ดาวน์ต่ำ เริ่มต้น 27,XXX บาท*
เช่าดำเนินการ :สูงสุด 5 ปี* + ฟรีเช่าดำเนินการสูงสุด 3 เดือน*

หรือแค่ซื้อ รถ 3 ล้อไฟฟ้า ของ เอช เซม มอเตอร์ รับทันที! กล้องถ่ายภาพ FUJI FLIM SQ10* หรือบัตรสมนาคุณมูลค่าสูงสุด 3,000บาท*

* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.hsemmotor.com/

รถพลังงานไฟฟ้า2

ตอบคำถามที่หลายคนสงสัยทำไม รถพลังงานไฟฟ้า ถึงไม่มีเสียง?

หลายคนคงจะได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ ถึงข้อดีของ รถพลังงานไฟฟ้า ที่นอกจากจะประหยัดค่าใช้จ่าย และรักษ์โลกแล้ว มันยังไม่มีเสียงของเครื่องยนต์มากวนใจอีกด้วย ได้ยินแบบนี้แล้วก็ได้แต่สงสัยจริง ๆ ว่าเพราะอะไรกันนะ? ทำไมรถพลังงานไฟฟ้าถึงไม่มีเสียงเครื่องยนต์เหมือนกับรถแบบปกติทั่วไป งานนี้ใครที่กำลังสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ วันนี้เราหาคำตอบมาให้คุณแล้ว!

ทำความรู้จักรถพลังงานไฟฟ้า

รถพลังงานไฟฟ้า คือ ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยใช้พลังงานไฟฟ้าที่เก็บอยู่ในแบตเตอรี่หรืออุปกรณ์เก็บพลังงานไฟฟ้าแบบอื่น ๆ ซึ่งข้อดีของมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้เกิดแรงบิดได้ทันที ส่งผลให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีอัตราเร่งที่รวดเร็ว และเครื่องยนต์มีความทนทานมากกว่าเมื่อเทียบกับยานพาหนะทั่วไป ซึ่งรถพลังงานไฟฟ้าสามารถแบ่งได้หลายประเภท ดังนี้

1. รถไฟฟ้าไฮบริด (HEV)

เป็นรถพลังงานไฟฟ้าที่มีรูปแบบการทำงาน 2 ระบบ กล่าวคือ ระบบที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงผสมกับพลังงานไฟฟ้า โดยเครื่องยนต์หลักที่ใช้จะทำงานผสมผสานกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ซึ่งระบบจะเลือกทำงานเองโดยอัตโนมัติ

โดยมอเตอร์จะทำการออกตัวด้วยระบบไฟฟ้า ก่อนที่เครื่องยนต์จะทำงานต่อ ทั้งนี้หากเมื่อรถติด หรือรถหยุดนิ่ง ถ้ารถมีแบตเตอรี่มากพอ เครื่องยนต์จะดับ แล้วดึงไฟจากแบตเตอรี่มาใช้ในอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ไฟหน้ารถ แอร์รถยนต์ เครื่องเสียง เป็นต้น

2. รถไฟฟ้าปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV)  

เป็นรถที่ผสานเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซลเข้ากับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ชาร์จไฟได้ โดยการชาร์จนั้นจะใช้เวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมงจนแบตเตอรี่เต็ม ซึ่งช่วยให้รถยนต์สามารถวิ่งได้โดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่อย่างเดียว ประมาณ 20-50 กิโลเมตร โดยไม่ต้องใช้น้ำมันเลย ข้อดีของรถระบบไฮบริดคือมันสามารถใช้ได้ทั้งน้ำมันและไฟฟ้า

3. รถพลังงานไฟฟ้า (EV)

สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (EV) จะใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว ไม่มีเครื่องยนต์ระบบสันดาปภายในไว้ใช้งาน จึงไม่มีการปล่อยไอเสียและไม่สร้างมลพิษ ซึ่งสามารถชาร์จไฟได้สม่ำเสมอเมื่อแบตเตอรี่หมด ผ่านทางที่ชาร์จภายในบ้านหรือสถานีชาร์จไฟ โดยใช้เวลาประมาณ  6-8 ชั่วโมงในการชาร์จปกติ หรือ 2-4 ชั่วโมงในการชาร์จผ่านแท่นชาร์จเร็ว

4. อี–พาวเวอร์ (E-Power)

เป็นเทคโนโลยีที่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นโดยค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่างนิสสัน ซึ่งมีการผสมผสานการทำงานระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้า และระบบเครื่องกำเนิดไฟฟ้า โดยระบบนี้จะทำงานคล้ายกับระบบไฮบริด คือประกอบด้วยเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า

ต่างกันที่ อี-พาวเวอร์ จะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า มีเครื่องยนต์ขนาดเล็กทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าเก็บไว้ที่แบตเตอรี่และส่งพลังงานไปยังมอเตอร์ไฟฟ้า เพียงแค่เติมน้ำมันก็สามารถใช้งานได้เหมือนรถยนต์ทั่วไปแล้ว

5. รถพลังงานไฮโดรเจน  (Fuel Cell)

เป็นรถพลังงานไฟฟ้าประเภทหนึ่งที่ใช้ไฮโดรเจนมาแปลงเป็นกระแสไฟฟ้าแล้วนำไปขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าให้รถสามารถวิ่งได้ โดยในโครงสร้างจะมีแผงเซลล์เชื้อเพลิงที่เก็บไฮโดรเจนในรูปแบบของเหลวเอาไว้

และนี่ก็คือสาระดี ๆ เกี่ยวกับรถพลังงานไฟฟ้าที่เรานำมาฝากในวันนี้ สำหรับคำถามที่หลาย ๆ คนสงสัยกันว่าทำไมรถพลังงานไฟฟ้าถึงไม่มีเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ เราขอบอกเลยว่าง่ายนิดเดียว ที่รถพลังงานไฟฟ้าไม่มีเสียงดังนั้นเป็นเพราะว่ามอเตอร์ของรถพลังงานไฟฟ้าไม่ต้องทำการสันดาปกันเพื่อขับเคลื่อนรถไปข้างหน้านั่นเอง  เมื่อไม่มีการสันดาปกันผลที่ตามมาก็ทำให้เครื่องยนต์ของรถไม่มีเสียงการทำงานดังเหมือนรถทั่วไปนั่นเอง

สามล้อไฟฟ้า

วิธีดูแล รถสามล้อไฟฟ้า ให้อยู่ทน อยู่นาน!

ซื้อ รถสามล้อไฟฟ้า มาเพื่อใช้งานกันทั้งทีเราเชื่อเหลือเกินว่าหลายคนก็คงอยากที่จะดูแลรักษารถสามล้อไฟฟ้าของตนเองให้อยู่ไปนาน ๆ ไม่ต้องนำเข้าศูนย์กันบ่อย ๆ อยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ H SEM จึงไม่พลาดที่จะนำเสนอวิธีการดูแลรักษารถสามล้อไฟฟ้า งานนี้จะมีวิธีใดบ้าง เลื่อนไปอ่านพร้อมกันได้ที่ด้านล่างนี้เลย!

5 วิธีดูแล รถสามล้อไฟฟ้า ให้อยู่ทน อยู่นาน!

ก่อนที่เราจะพูดถึงวิธีดูแลรถสามล้อไฟฟ้าให้อยู่ทน อยู่นานนั้น เราขออนุญาตพูดถึงรถสามล้อไฟฟ้าอย่างคร่าว ๆ สักหน่อย เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน

รถสามล้อไฟฟ้า คือ รถพลังงานไฟฟ้าที่มีลักษณะภายนอกคล้ายกันกับรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป แต่แตกต่างกันตรงที่รถสามล้อไฟฟ้านั้นจะมีทั้งหมดสามล้อ และใช้ระบบไฟฟ้านั่นเอง ขึ้นชื่อว่ารถสามล้อไฟฟ้า แต่คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่ามอเตอร์ที่ใช้สำหรับการขับเคลื่อนรถสามล้อไฟฟ้านั้นมีทั้งสิ้น 2 ประเภท ดังนี้

  • Brush Motor คือ มอเตอร์ที่ต้องใช้แปรงถ่านในการส่งพลังงาน นั่นจึงทำให้มอเตอร์ชนิดนี้มีการเสียดสีภายในตลอดเวลา ทำให้อายุการใช้งานค่อนข้างสั้น
  • Brushless Motor คือ มอเตอร์เทคโนโลยีรูปแบบใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องมีการเสียดสีกันของมอเตอร์ ทำให้ประหยัดพลังงานและมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า แต่นั่นก็ต้องแลกกับราคาที่สูงตามคุณภาพด้วยเช่นกัน 

หลังจากที่ทำความเข้าใจเกี่ยวกับรถสามล้อไฟฟ้ากันไปแล้วก็มาสู่คำถามที่หลายคนสงสัย นั่นก็คือ 5 วิธีดูแลรถสามล้อไฟฟ้า ให้อยู่ทน อยู่นาน! งานนี้จะมีอะไรบ้าง เลื่อนลงไปอ่านได้ที่ด้านล่างนี้เลย!

1. หลีกเลี่ยงการขับขี่รถสามล้อไฟฟ้าลุยน้ำท่วมขัง

สำหรับเรื่องนี้เราขอบอกเลยว่าเป็นอะไรที่สำคัญอย่างมาก จริงอยู่ที่บางครั้งคุณอาจเผลอขับรถลุยน้ำท่วมขังแล้วรถสามล้อไฟฟ้าไม่เป็นอะไร แต่ใช่ว่าโชคดีจะอยู่กับคุณทุกครั้ง เพราะถ้าวันใดที่น้ำท่วมขังเหล่านั้นกระเด็นโดนแบตเตอรี่ หรือระบบไฟฟ้าของตัวรถสามล้อไฟฟ้าขึ้นมาจริง เราขอบอกเลยว่าคุณต้องส่งรถซ่อมอย่างแน่นอน ทางที่ดีหลีกเลี่ยงการขับรถลุยน้ำท่วมขังจะดีที่สุด!

2. อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่ต่ำกว่า 20-30% 

นี่เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะการปล่อยให้แบตเตอรี่ต่ำกว่า 20-30% มีแต่จะส่งผลเสีย ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าที่ควรจะเป็น เผลอ ๆ อาจร้ายแรงถึงขั้นที่แบตเตอรี่ของคุณเสีย ใช้งานไม่ได้เลยก็เป็นได้หากคุณปล่อยให้แบตเตอรี่หมดแล้วค่อยชาร์จ 

3. พักเครื่องหลังเพิ่งใช้งานรถสามล้อไฟฟ้าเสมอ

เนื่องจากรถสามล้อไฟฟ้าที่ผ่านการใช้งานมาตัวแบตเตอรี่ย่อมมีความร้อนในตัวอยู่ เพื่อที่แบตเตอรี่ของคุณจะไม่เสื่อมอายุเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ก่อนชาร์จแบตเตอรี่คุณควรพักรถไว้ในที่ร่มก่อน 15-30 นาที เพื่อให้แบตเตอรี่คลายความร้อนลง

4. หลีกเลี่ยงการจอดรถนอกชานบ้าน

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่ารถสามล้อไฟฟ้าใช้แบตเตอรี่ในการเป็นพลังงานขับเคลื่อนรถ และการที่คุณจอดรถไว้นอกชานบ้าน ปล่อยให้รถตากแดดนาน ๆ มีแต่จะเป็นตัวเร่งเวลาให้แบตเตอรี่เสื่อมอายุเร็วมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ทางที่ดีคุณควรจอดรถไว้ในที่ร่ม เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้แบตเตอรี่รถโดนแสงแดด

5. ไม่ควรบิดคันเร่งเกินจำเป็น

ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าระบบรถสามล้อไฟฟ้าภายในนั้นมีความซับซ้อน การที่คุณบิดคันเร่งเกินกว่าที่จำเป็น อาทิ บิดคันเร่งเล่นทั้งที่จอดรถอยู่เฉย ๆ จะทำให้อุปกรณ์ภายในชำรุดได้ง่าย เนื่องจากเป็นการฝืนแรงต้านระบบการขับขี่ภายในรถสามล้อไฟฟ้า 

และนี่ก็คือสาระดี ๆ ที่ H SEM นำมาฝากคุณผู้อ่านกันในวันนี้ งานนี้ใครที่ซื้อรถสามล้อไฟฟ้า หรือมีรถสามล้อไฟฟ้าอยู่ที่บ้าน เชื่อเหลือเกินว่าหลังจากที่อ่านบทความนี้จบคุณจะสามารถนำสาระดี ๆ ที่ได้จากเราในวันนี้ไปปรับใช้กับการดูแลรถสามล้อไฟฟ้าของคุณให้อยู่ทน อยู่นานให้มากที่สุดนะ!

รถสามล้อไฟฟ้า

รถสามล้อไฟฟ้า ควรใช้เป็นแบตเตอรี่ประเภทไหนดี

เมื่อพูดถึง รถสามล้อไฟฟ้า เชื่อเหลือเกินว่าหลายคนจะต้องนึกถึงแบตเตอรี่อย่างแน่นอน เนื่องจากแบตเตอรี่นั้นเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่มีส่วนช่วยให้รถสามล้อไฟฟ้าสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ด้วยเหตุนี้ H SEM จึงไม่พลาดที่จะนำเสนอสาระดี ๆ เกี่ยวกับแบตเตอรี่รถสามล้อไฟฟ้ามาฝากทุกคนกัน งานนี้แบตเตอรี่มีกี่ประเภท และรถสามล้อไฟฟ้าควรใช้แบตเตอรี่ประเภทไหนบ้าง วันนี้เราหาคำตอบมาให้คุณแล้ว!

ทำความรู้จัก “แบตเตอรี่” แหล่งพลังงานสำหรับ รถสามล้อไฟฟ้า

“แบตเตอรี่” หนึ่งในอุปกรณ์ที่มีส่วนช่วยให้รถสามล้อไฟฟ้าสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ โดยแบตเตอรี่จะทำหน้าที่ป้อนกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ทำงานได้ ซึ่งแบตเตอรี่สามารถแบ่งได้ทั้งสิ้น 3 ประเภท ดังนี้

1. แบตเตอรี่น้ำกลั่น (Distilled water battery)

สำหรับแบตเตอรี่ประเภทนี้เรียกได้ว่าเป็นแบตเตอรี่ที่มีตะกั่วกรด โดยส่วนผสมภายในแบตเตอรี่นั้นประกอบด้วยโลหะผสมระหว่างตะกั่วกับพลวง อายุของแบตเตอรี่ชนิดนี้อยู่ที่ 1-1.5 ปี เนื่องจากแบตเตอรี่ประเภทนี้ต้องเติมน้ำกลั่นทุก ๆ 7-14 วัน ทำให้แบตเตอรี่ประเภทนี้ไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลรถสามล้อไฟฟ้า 

ข้อดีของแบตเตอรี่รถสามล้อไฟฟ้าประเภทนี้ก็คือ มีความทนทานต่อการปะจุไฟเกินและคายประจุ ที่สำคัญก็คือแบตเตอรี่ประเภทนี้มีราคาที่ค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ประเภทอื่น ๆ ที่ใช้กับรถสามล้อไฟฟ้า

2. แบตเตอรี่เจล (Gel battery)

สำหรับแบตเตอรี่ประเภทนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในวิวัฒนาการของแบตเตอรี่เแบบน้ำกลั่นเลยก็ว่าได้  เนื่องจากแบตเตอรี่ข้างในนั้นถูกเปลี่ยนจากน้ำกรดให้กลายเป็นเจลด้วยการเติมผงซิลิกาลงไป เมื่อตัวแบตเตอรี่ได้รับการกระทบกระเทือนก็ยังคงมีความปลอดภัย เนื่องจากน้ำกรดมีความหนืดและหกยาก อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ประเภทนี้มีอายุการใช้งานอยู่ที่ 1.5-2 ปี 

เรื่องความกังวลที่จะต้องคอยเติมน้ำกลั่นอยู่บ่อย ๆ นั้นเราขอบอกเลยว่าหายห่วง เพาะแบตเตอรี่ประเภทนี้ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นเลย ทำให้ตอบโจทย์สุด ๆ สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาตรวจดูรถของตนเองอยู่บ่อย ๆ ข้อเสียของการใช้แบตเตอรี่ประเภทนี้ก็คือต้องหลีกเลี่ยงการโดนน้ำโดยเด็ดขาด ไม่เว้นแม้กระทั่งน้ำค้าง เพราะจะทำให้แบตเตอรี่เสียนั่นเอง

3. แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน (Lithium-Ion Battery)

สำหรับแบตเตอรี่ประเภทนี้เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมแบตเตอรี่ใหม่ล่าสุดของวงการยานยนต์เลยก็ว่าได้ เพราะมันมีอายุการใช้งานมากึง 5-6 ปีเลยทีเดียว นอกจากแบตเตอรี่ประเภทนี้จะมีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างนานกว่าแบตเตอรี่ 2 ประเภทก่อนหน้านี้แล้ว แบตเตอรี่ประเภทนี้ยังไม่ก่อให้เกิดมลพิษกับโลกอีกด้วย 

โดยแบตเตอรี่ประเภทนี้สามารถทำงานได้เป็นระยะเวลายาวนานด้วยการชาร์จเพียงหนึ่งครั้งแลยก็ว่าได้ สำหรับข้อเสียของแบตเตอรี่ประเภทนี้ก็คือ หากได้รับความเสียหายในระหว่างการขนส่ง แบตเตอรี่ลิเทียมอาจลัดวงจร ส่งผลให้เกิดการความร้อนสูงผิดปกติ และลุกไหม้ได้ นั่นจึงทำให้ในระหว่างขั้นตอนการขนส่งมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องขนส่งอย่างระมัดระวัง ป้องกันไม่ให้ตัวแบตเตอรี่ลิเทียมได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง

วิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่ รถสามล้อไฟฟ้า จาก H SEM

หลังจากที่เราทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของแบตเตอรี่รถสามล้อไฟฟ้ากันไปแล้ว ก็มาสู่ขั้นตอนสำคัญที่ทำให้แบตเตอรี่ของคุณมีอายุการใช้งานยาวนานตามที่มันควรจะเป็นกันบ้าง กับ 3 วิธีดูแลแบตเตอรี่รถสามล้อไฟฟ้าจาก H SEM MOTOR 

1. ไม่ควรใช้งานแบตเตอรี่ให้หมดหรือเหลือ 0% 

สำหรับเรื่องนี้เป็นอะไรที่สำคัญอย่างมาก อย่าลืมว่าทุกครั้งที่แบตเตอรี่ลดน้อยลงนั้นคุณจะต้องทำการชาร์จไฟเพื่อให้แบตเตอรี่กลับมาเต็มดังเดิม ยิ่งแบตเตอรี่ลดน้อยลงเท่าไหร่ ระยะเวลาที่ใช้ในการชาร์จก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น นั่นจึงทำให้แบตเตอรี่เกิดความร้อนได้ง่ายเนื่องจากใช้เวลาในการชาร์จบ่อย

และในการชาร์จแต่ละครั้งเองตัวแบตเตอรี่ต้องเผชิญกับความร้อนที่เพิ่มมากขึ้น ทางที่ดีเราขอแนะนำให้คุณชาร์จแบตเตอรี่ก่อนที่ปริมาณแบตเตอรี่จะเหลือ 20%-30% จะดีกว่า จะได้เป็นการถนอมอายุการใช้งานของแบตเตอรี่นั่นเอง

2. ไม่ได้ใช้งานก็ต้องชาร์จแบตเตอรี่เสมอ

จริงอยู่ที่ในข้อที่หนึ่งนั้นเราได้กล่าวไปว่าการชาร์จแบตเตอรี่บ่อย ๆ นั้นส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ทำให้มันมีอายุการใช้งานที่น้อยลงจากที่คาดการณ์เอาไว้ แต่ใช่ว่าการที่คุณไม่ได้ใช้งานรถสามล้อไฟฟ้าเลยจะไม่ต้องคอยชาร์จแบตเตอรี่นะ เพราะการที่แบตเตอรี่ไม่มีการใช้งานเลยก็เสี่ยงทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้ ทางที่ดีเราขอแนะนำให้คุณชาร์จไฟอย่างน้อยทุก ๆ 15 วัน เพื่อเป็นการถนอมอายุการใช้งานของแบตเตอรี่จะดีที่สุด

3. หลีกเลี่ยงการทำให้แบตเตอรี่ร้อนโดยไม่จำเป็น

อย่างที่เราได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าการชาร์จแบตเตอรี่นาน ๆ ทำให้แบตเตอรี่ได้รับความร้อนง่าย เสี่ยงแบตเตอรี่เสื่อมไวได้ แต่คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่านอกจากการชาร์จแบตเตอรี่นาน ๆ แล้ว การปล่อยให้แบตเตอรี่เจอกับแสงแดดนาน ๆ หรือวางแบตเตอรี่ไว้ในที่ร้อน ๆ นั้นก็ส่งผลเสียกับแบตเตอรี่ด้วยเช่นกัน 

เพราะการที่แบตเตอรี่เจอความร้อนมาก ๆ จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว แถมยังทำให้ความจุของแบตเตอรี่ลดลงอีกด้วย ดังนั้นพยายามหลีกเลี่ยงการวางแบตเตอรี่ไว้ในที่ร้อนกลางแดดจะดีที่สุด

และนี่ก็คือสาระดี ๆ ที่ H SEM นำมาฝากคุณผู้อ่านกันในวันนี้ หลังจากที่คุณซื้อรถสามล้อไฟฟ้าจาก H SEM ไป คุณสามารถนำสาระดี ๆ ที่ได้จากเราไปปรับใช้เพื่อถนอมอายุแบตเตอรี่สามล้อไฟฟ้าของคุณได้ เพื่อที่คุณจะได้ยืดเวลาการเสียเงินให้กับค่าใช้จ่ายการซ่อมแบตเตอรี่อย่างไม่จำเป็นไปได้นั่นเอง!

ธุรกิจรถเช่า

เปิดมิติใหม่แห่งการท่องเที่ยว กับ ธุรกิจรถเช่า ในไทย

สำหรับ ธุรกิจรถเช่า เรียกได้ว่ามีมาพักใหญ่แล้วในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการเช่ารถยนต์ เช่ารถจักรยาน และเช่ารถจักรยานยนต์ โดยธุรกิจนี้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่าในปัจจุบันเวลาที่เราเดินทางไปเที่ยวตามจังหวัดต่าง ๆ จะต้องมีนักท่องเที่ยวบางส่วนที่ใช้บริการรถเช่าอย่างแน่นอน! วันนี้ H SEM จึงไม่พลาดที่จะนำเสนอเหตุผลที่ทำให้ธุรกิจรถเช่าเพื่อการท่องเที่ยวเติบโตในไทย จะมีอะไรบ้าง ห้ามพลาด!

ตอบคำถามที่หลายคนสงสัย ทำไม ธุรกิจรถเช่า ในไทยถึงเติบโต

อย่างที่เราได้กล่าวไปว่าในปัจจุบันนี้ธุรกิจรถเช่าเพื่อการท่องเที่ยวในไทยนั้นได้รับความนิยมค่อนข้างสูง เรียกได้ว่าเติบโตขึ้นประมาณ 3-5% ต่อปีต่อเนื่องมาโดยตลอด แต่ก็ถือว่าเป็นการเติบโตที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับศักยภาพของประเทศที่ติดอันดับเมืองท่องเที่ยวโลก ซึ่งเหตุผลที่ทำให้ธุรกิจรถเช่ามีการเติบโตที่ค่อนข้างต่ำนั้นเป็นเพราะว่า 

ที่ผ่านมาประเทศไทยไม่มีกฎหมายควบคุมรถเช่าทั้งระยะยาวและระยะสั้นโดยตรง ทำให้ไม่สามารถจัดการกับปัญหาได้อย่างเด็ดขาด เพราะไม่มีกฎหมายให้บังคับใช้ จึงเชื่อว่าหากมีการออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองทั้งผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการรถเช่าโดยเฉพาะเจาะจงอย่างครอบคลุม จะทำให้อุตสาหกรรมการเช่ารถระยะสั้นเติบโตอย่างรวดเร็วได้ถึงราวปีละ 30%

และเมื่อผู้ประกอบการเกิดความเชื่อมั่นจะทำให้มีผู้เข้าแข่งขันหน้าใหม่เข้ามาในตลาดมากขึ้น มีจำนวนรถเช่าเพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันอย่างแน่นอน ส่งผลให้ราคาเช่ารถถูกลงและสามารถเช่ารถได้ง่ายขึ้นด้วย

จริงอยู่ที่เปอร์เซ็นต์การเติบโตของธุรกิจรถเช่าในไทยนั้นถือได้ว่าเป็นเปอร์เซ็นต์การเติบโตที่ค่อนข้างต่ำ แต่เมื่อเทียบกับปริมาณผู้ใช้งานจริงแล้วพบว่าเพิ่มสูงขึ้น โดยเหตุผลที่ทำให้ธุรกิจรถเช่าเพื่อการท่องเที่ยวมีผู้ใช้บริการเพิ่มมากขึ้นมีดังนี้

  • ความสะดวกสบาย

สำหรับเหตุผลข้อนี้เรียกได้ว่าเป็นปัจจัยหลัก ๆ ของคนที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว แต่มีใบขับขี่เลยก็ว่าได้ ลองเทียบกันระหว่างคนที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวแล้วต้องไปเที่ยวกันเองดู ไหนจะต้องหาเส้นทางที่รถโดยสารจะไปถึง ไหนจะต้องคิดคำนวณค่าเดินทางในแต่ละวันอีก ยิ่งถ้าคุณต้องการไปสถานที่ท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร เราขอบอกเลยว่ายากเข้าไปใหญ่

เนื่องจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังไม่ฮิต การเดินทางจึงค่อนข้างลำบากหากยังไม่มียานพาหนะสำหรับขับขี่เป็นของตัวเอง แต่ถ้าคุณมียานพาหนะเป็นของตนเองทุกอย่างจะง่ายขึ้นทันที แถมการเดินทางของคุณยังยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย เนื่องจากสามารถปลดล็อกปัญหาอิสระในการเดินทางได้

  • ตอบโจทย์ทุกการเดินทาง

หากคุณมีรถยนต์เป็นของตนเองแน่นอนว่าย่อมสะดวกสบายในการขับรถไปเที่ยวที่ต่างจังหวัดอยู่แล้ว แต่ถ้ารถยนต์ที่คุณมีไม่ตอบโจทย์กับจำนวนเพื่อนร่วมทางแล้วละก็คงไม่ดีแน่ จะดีกว่าไหมหากคุณให้ธุรกิจรถเช่าเพื่อการท่องเที่ยวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการปลดล็อกอุปสรรคต่าง ๆ ที่ขัดขวางการท่องเที่ยวของคุณ เพราะบริษัทรถเช่านั้นมีการให้บริการที่ค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าคุณจะต้องการรถรุ่นอะไร สามารถบรรจุผู้โดยสารได้เท่าไหร่ บริษัทผู้ให้บริการรถเช่าก็ตอบโจทย์เสมอ

  • หมดห่วงเรื่องอุบัติเหตุ

จริงอยุ่ที่ประกันรถยนต์ของคุณนั้นเป็นประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมอย่าง ประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือ ประกันรถยนต์ชั้น 2 พลัส ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่ตามมาหลังเกิดอุบัตเหตุ หรือเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

แต่ถ้าหากว่ารถของคุณดันเกิดเหตุขัดข้องจนไม่สามารถขับต่อได้ล่ะ เช่น เกิดอุบัติเหตุรถชนจนหม้อน้ำแตก เป็นต้น  การเดินทางเพื่อออกทริปของคุณจะล่าช้าลงไปอีก จะดีกว่าไหมหากคุณใช้บริการรถเช่าเพื่อการท่องเที่ยวมาแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ เนื่องจากบริษัทรถเช่าจะมีรถยนต์สำรองให้เราใช้ทดแทน ทำให้เราสามารถเดินทางไปสู่จุดหมายได้อย่างไม่ต้องกังวลใจ

ทางเลือกที่ดีกว่าเพื่อธุรกิจรถเช่า กับ Mobilla G รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าใส่ใจสิ่งแวดล้อม!

เพื่อที่ธุรกิจรถเช่าเพื่อการท่องเที่ยวของคุณจะเติบโตควบคู่ไปกับการรักษ์โลก ให้ Mobilla G รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจาก H SEM บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถกอล์ฟไฟฟ้า รถชมวิวไฟฟ้า รถอเนกประสงค์ รถสามล้อไฟฟ้า รถสามล้อเครื่องยนต์ และรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย มาเป็นหนึ่งในตัวช่วยขับเคลื่อนธุรกิจผู้ให้บริการรถเช่าของคุณ 

ด้วยดีไซน์สไตล์วินเทจสุดคลาสสิกที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “Freedom of Riding การขับขี่ที่ไร้ขีดจำกัด”  ท้าทายทุกการขับขี่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ใช่คุณได้ไม่สะดุด กับมอเตอร์ขนาด 3,000 วัตต์ที่ออกแบบมาเพื่อการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า MOBILLA G โดยเฉพาะ

ให้คุณปรับระดับความเร็วได้ถึง 2 ระดับ คือ High & Low หมดห่วงเรื่องความปลอดภัยกับแบตเตอรี่ลิเธียมขนาด 72V20Ah จาก Samsung ขับเคลื่อนด้วยระบบการจัดการแบตเตอรี่แบบ BMS ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรแบบมีระดับ 

ปลดล็อกการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบบเดิม ๆ ด้วยแบตเตอรี่ที่ H SEM มีให้คุณถึง 2 ก้อน ให้คุณขับขี่ได้ไกลกว่าเดิมถึง 120 กิโลเมตร โดยรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า Mobilla G มาพร้อมกับความเร็วสูงสุดถึง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ประหยัดมากกว่าเพียงจ่ายค่าไฟ 7 บาทต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ลูก ใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่เพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น

และนี่ก็คือสาระดี ๆ ที่เรานำมาฝากคุณในวันนี้ งานนี้ใครที่สนใจจะทำธุรกิจรถเช่าเราบอกเลยว่าไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาด เพราะรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่น Mobilla G เขามาพร้อมกับโปรโมชั่นมากมาย สนใจสามารถสั่งซื้อที่ H SEM และ ตัวแทนจำหน่ายทุกสาขาได้แล้ววันนี้

รถกอล์ฟ

5 เรื่องต้องรู้หลังซื้อ รถกอล์ฟไฟฟ้า

คุณเคยสงสัยกันหรือไม่ว่าทำไม รถกอล์ฟไฟฟ้า ของเราที่ใช้กันในสนามกอล์ฟจึงเสียบ่อยแบบนี้ ที่รถกอล์ฟไฟฟ้าเสียอยู่บ่อย ๆ แท้จริงแล้วมีสาเหตุนะ งานนี้ต้นตอของปัญหามันเกิดจากอะไร H SEM หาคำตอบมาให้คุณผู้อ่านแล้ว!

5 วิธีดูแล รถกอล์ฟไฟฟ้า อย่างถูกวิธี ยืดอายุการใช้งานไปได้ไกล

เชื่อเหลือเกินว่าหลังจากที่เจ้าของธุรกิจอย่างคุณเลือกซื้อรถกอล์ฟมาเพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจแล้ว จะต้องอยากทราบอย่างแน่นอนว่าขั้นตอนในการดูแลรถกอล์ฟไฟฟ้าอย่างถูกวิธีนั้นมีอะไรบ้าง งานนี้ใครที่กำลังสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ เลื่อนลงไปอ่านขั้นการดูแลรถกอล์ฟไฟฟ้าพร้อมกันกับเราได้ที่ด้านล่างนี้เลย! 

1. แบตเตอรี่ห้ามต่ำกว่า 20-30% 

สำหรับเรื่องนี้เป็นอะไรที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะการปล่อยให้แบตเตอรี่ต่ำกว่า 20-30% นั้นมีแต่จะส่งผลเสีย ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าที่ควรจะเป็น หากร้ายแรงมากอาจถึงขั้นที่แบตเตอรี่ของคุณเสีย ใช้งานไม่ได้เลยทีเดียว ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าแบตเตอรี่นั้นไม่ถูกกับความร้อน 

และเมื่อคุณใช้ระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่นานมากขึ้นเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มมากขึ้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้ตัวแบตเตอรี่เกิดความร้อนเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ทางที่ดีคุณควรชาร์จแบตเตอรี่ทันทีที่เหลือแบตเตอรี่อยู่ที่ 20-30% เพื่อไม่ให้แบตเตอรี่ทำงานหนักมากเกินไปนั่นเอง

2. ตรวจน้ำกลั่นทุก 7 วัน

หากแบตเตอรี่รถกอล์ฟไฟฟ้าที่คุณใช้อยู่เป็นแบตเตอรี่แบบน้ำ เราขอแนะนำให้คุณตรวจน้ำกลั่นอยู่เสมอว่ามันลดลงไปต่ำกว่าเกณฑ์ที่แนะนำหรือไม่ ถ้าลดลงต้องรีบเติมทันที เพื่อป้องกันปัญหาอื่น ๆ ที่ตามมา ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าแบตเตอรี่แบบน้ำกลั่นนั้นมีน้ำกรดอยู่ในแบตเตอรี่ ทำให้เวลาที่นำกลั่นระเหยไปโดยที่ไม่มีใครเติมน้ำกลั่น น้ำกรดที่อยู่ในแบตเตอรี่ก็จะเกิดความเข้มข้นขึ้นกว่าปกติ ท้ายที่สุดแผ่นธาตุที่อยู่ในแบตเตอรี่ก็จะถูกกัดกร่อนจนเสียหาย ทำให้แบตเตอรี่เสียเร็วขึ้นนั่นเอง

3. พักรถก่อนชาร์จแบตเตอรี่ 15-30 นาที

เนื่องจากรถกอล์ฟไฟฟ้าที่ผ่านการใช้งานมานั้นย่อมทำให้ตัวแบตเตอรี่ย่มีความร้อนในตัวอยู่ค่อนข้างสูง ทำให้การนำแบตเตอรี่มาชาร์จเลยทันทีสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้แบตเตอรี่ของคุณเสื่อมอายุเร็วกว่าที่ควรจะเป็น เพื่อที่แบตเตอรี่ของคุณจะได้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานตามที่มันควรจะเป็น เราขอแนะนำให้หลังจากที่คุณใช้งานรถกอล์ฟไฟฟ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนชาร์จแบตเตอรี่คุณควรพักรถไว้ในที่ร่มก่อน 15-30 นาที เพื่อให้แบตเตอรี่คลายความร้อนลง จากนั้นจึงค่อยนำรถกอล์ฟไฟฟ้าไปชาร์จตามปกติ

4. ห้ามดึงเบรกมือค้างไว้

สำหรับปัญหานี้เราเชื่อเหลือเกินว่าหลายคนเองก็อาจจะไม่ประสบกับปัญหานี้ แต่บางคนเองอาจจะเผลอทำแบบนี้อยู่บ่อย ๆ นั่นก็คือการเผลอดึงเบรกมือค้างไว้ก่อนสตาร์ทรถ ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ทำให้เบรกมือของรถเสื่อมไวเป็นอย่างมาก เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องเสียเงินซ่อมเบรกมือของรถกอล์ฟไฟฟ้า ทางที่ดีเราขอแนะนำให้ก่อนที่คุณจะสตาร์ทรถกอล์ฟไฟฟ้าควรดึงเบรกมือก่อนเสมอจะได้ไม่ต้องจ่ายเงินซ่อมค่าเบรกมือโดยไม่จำเป็นนั่นเอง

5. ห้ามนำ รถกอล์ฟไฟฟ้า โดนน้ำ

เชื่อเหลือเกินว่าหลังจากที่ได้ยินขั้นตอนในการดูแลรถกอล์ฟไฟฟ้าแบบนี้ หลายคนคงจะเกิดคำถามในใจอย่างแน่นอนว่าใครจะนำรถกอล์ฟไฟฟ้าไปโดนน้ำ ซึ่งข้อห้ามนำรถกอล์ฟไฟฟ้าโดนน้ำนี้ไม่ได้หมายถึงการขับรถกอล์ฟไฟฟ้าไปลุยน้ำแต่อย่างใด แต่หมายถึงการห้ามนำรถกอล์ฟไฟฟ้าไปขับบนสนามกอล์ฟที่เพิ่งถูกน้ำรดไป 

เนื่องจากละอองน้ำที่อยู่บนหญ้าในสนามกอล์ฟอาจกระเซ็นเข้าไปโดนมอเตอร์ของรถกอล์ฟไฟฟ้าที่อยู่ใต้ท้องรถได้นั่นเอง ทางที่ดีหลังจากที่มีการรดน้ำบนสนามหญ้าไปได้ไม่นาน เราขอแนะนำให้คุณรอให้น้ำที่อยู่บนหญ้านั้นลดน้อยลงก่อน หรือหญ้าแห้งก่อนจึงค่อยนำรถกอล์ฟไฟฟ้าไปขับลงบนสนามหญ้าได้

และนี่ก็คือสาระดี ๆ ที่ H SEM นำมาฝากคุณในวันนี้ เชื่อว่าหลังจากที่อ่านบทความ “5 เรื่องต้องรู้หลังซื้อรถกอล์ฟไฟฟ้า” จบ คุณผู้อ่านทุกท่านจะสามารถนำข้อมูลในบทความนี้ไปปรับใช้กับการดูแลรถกอล์ฟไฟฟ้าของคุณได้นะ

ธุรกิจฟู้ดทรัค

5 ร้านอาหารยอดนิยม ตอบโจทย์ ธุรกิจฟู้ดทรัค ข้างทาง!

การเปิดร้านอาหารอาจเป็นธุรกิจในฝันของใครอีกหลายคนแต่ก็ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าการจะทำร้านอาหารขึ้นมาสักแห่งนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย งานนี้ H SEM จึงไม่รอช้า! ขอนำเสนอ 5 ร้านอาหารยอดนิยมที่นอกจากจะตอบโจทย์ ธุรกิจฟู้ดทรัค แล้ว คนไทยยังนิยมทานกันอยู่บ่อย ๆ ด้วย!

ทำความรู้จัก 5 ร้านอาหารยอดนิยม ตอบโจทย์ ธุรกิจฟู้ดทรัค ข้างทาง!

1. ร้านชานมไข่มุก

สำหรับร้านแรกนั้นเชื่อเหลือเกินว่าไม่มีใครไม่รู้จักกับเมนู “ชานมไข่มุก” เมนูเครื่องดื่มที่โดนใจทุกเพศ ทุกวัย ต้องบอกก่อนว่าเมนูชานมไข่มุกนั้นเข้ามาในประเทศไทยนานแล้ว แต่มาได้รับความนิยมสุด ๆ ในช่วง 2-3 ปีนี้ 

จากข้อมูลของ GrabFood พบว่า ในปี 2561 ชาวไทยนิยมบริโภคชานมไข่มุกมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉลี่ยแล้วในแต่ละเดือนคนไทยนิยมกินชานมไข่มุกมากถึง 6 แก้วเลยทีเดียว รองลงมา คือ ฟิลิปปินส์ 5 แก้วต่อเดือน ตามด้วยมาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย เฉลี่ยบริโภค 3 แก้วต่อเดือน

2. ร้านส้มตำ

ว่ากันว่าส้มตำนั้นเป็นอาหารประจำชาติของคุณสาว ๆ เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะสาว ๆ ในออฟฟิศ สอดคล้องกับการรวบรวมข้อมูลของ Grab ช่วงเคานต์ดาวน์ประจำปี 2562 พบว่าคนกรุงเทพฯ นิยมสั่งส้มตำสูงเป็นอันดับ 3 เลยทีเดียว 

ที่เป็นเช่นนี้แท้จริงแล้วมีสาเหตุนะ เนื่องจากส้มตำนั้นเป็นอาหารที่มีความสมดุลของรสชาติและรสสัมผัส  ทำให้ส้มตำนั้นมีความครบรส ไม่ว่าจะเป็นความเปรี้ยว ความเผ็ด และความเค็ม นอกจากรสชาติจะครบแล้ว รสสัมผัสก็มีเอกลักษณ์ด้วยเช่นกัน เนื่องจากเส้นมะละกอที่มีความชุ่มฉ่ำของน้ำส้มตำ ผสานกับความกรุบกรอบจากเส้นมะละกอที่สดใหม่

3. ร้านบิงซู

สำหรับเมนูนี้เรียกได้ว่าเข้ากันได้ดีสุด ๆ กับอากาศประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นปุยน้ำแข็งละเอียดและผลไม้สดใหม่ที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี ทำให้เมนูบิงซูได้รับความนิยมอยู่เสมอ และคงจะเป็นการดีหากเรานำร้านบิงซูที่ปกติเปิดขายแต่ในห้างร้านติดแอร์ มาวางขายกันข้างนอกด้วยรถฟู้ดทรัค เชื่อเถอะว่าผลตอบรับที่ได้จะต้องดีอย่างแน่นอน! 

4. ร้านเบอร์เกอร์

เมื่อพูดถึงคงนึกออกได้ในทันที กับ “แฮมเบอร์เกอร์” เมนูที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในอาหารที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ทั้งนี้ไม่ว่าจะไปที่ไหน ประเทศใดก็จะได้พบกับขนมปังก้อนกลมที่มีเอกลักษณ์ ด้านในมีเนื้อบดปรุงรสทำเป็นแผ่นวางเป็นไส้และแซมด้วยผักชนิดต่าง ๆ 

ทำให้แฮมเบอร์เกอร์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากไม่เว้นแม้กระทั่งประเทศไทย หากสังเกตกันดี ๆ จะพบว่าในปัจจุบันนอกจากร้านแฮมเบอร์เกอร์ชื่อดังแล้ว ในประเทศไทยมีร้านแฮมเบอร์เกอร์เปิดใหม่ขึ้นมากมายเลยทีเดียว และก็มีหลายร้านเลยด้วยที่เปิดให้บริการเป็นแบบฟู้ดทรัค

5. ร้านอาหารตามสั่ง

สำหรับร้านอาหารตามสั่งนั้นเรียกได้ว่าเป็นร้านอาหารยอดฮิตในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ เนื่องจากสามารถเลือกได้หลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นผัดกระเพรา, ข้าวผัด และเมนูอื่น ๆ อีกมากมาย โดยส่วนใหญ่เรามักจะเห็นร้านอาหารตามสั่งที่เขาตั้งเป็นร้านใหญ่ ๆ มีหน้าร้าน หรือตั้งอยู่ข้างทางทั่วไป

จะดีกว่าไหมหากเราเพิ่มความสะดวกในการเปิดร้าน ปิดร้านมากขึ้นด้วยการทำเป็นร้านตามสั่งแบบฟู้ดทรัค นอกจากจะสร้างความสะดวกแล้ว ร้านของคุณยังมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครอีกด้วย

และนี่ก็คือ 5 ร้านอาหารยอดนิยมที่ H SEM คัดมาแล้วว่าตอบโจทย์ธุรกิจฟู้ดทรัคข้างทางอย่างแน่นอน งานนี้ใครที่สนใจที่จะทำธุรกิจนี้ให้ H SEM เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินธุรกิจของคุณ เพราะบริษัท เอช เซม คือบริษัทที่ผลิตและจัดจำหน่ายรถสามล้ออเนกประสงค์รุ่น STC 150 SP Foodtruck รถสามล้ออเนกประสงค์ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อธุรกิจฟู้ดทรัคโดยเฉพาะ

รถสามล้อไฟฟ้า

ซื้อ รถสามล้อไฟฟ้า กับ H SEM ดียังไง?

หากพูดถึง รถสามล้อไฟฟ้า แล้วละก็ เราเชื่อเหลือเกินว่าหลายคนจะต้องรู้จักพาหนะชนิดนี้อย่างแน่นอน! โดยรถที่เป็นสามล้อไฟฟ้านั้นในปัจจุบันมีมากมายหลากหลายแบรนด์เลยทีเดียว และแต่ละแบรนด์เองก็ได้รับความนิยมมากด้วยเช่นกัน แน่นอนว่า H SEM เองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย! เพราะอะไร รถสามล้อไฟฟ้า ของ H SEM ถึงได้รับความนิยม ใครที่กำลังสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ วันนี้เราหาคำตอบมาให้คุณแล้ว!

ตอบคำถามที่หลายคนสงสัย ทำไม รถสามล้อไฟฟ้า จาก H SEM MOTOR ได้รับความนิยม

อย่างที่เราได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่ารถสามล้อไฟฟ้าจาก H SEM ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ที่มันเป็นเช่นนี้แท้จริงแล้วมีที่มานะ งานนี้ใครที่กำลังสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ วันนี้ H SEM หาคำตอบมาให้คุณแล้ว! 

1. บริการหลังงานขายที่ตอบโจทย์เรื่องความสะดวกสบาย

ลืมความยุ่งยาก วุ่นวายที่เคยผ่านมาได้เลยกับบริการหลังงานขายแบบเดิม ๆ ด้วยบริการ Onsite Service จาก H SEM บริการชั้นเลิศที่มาพร้อมกับทีมงานมืออาชีพที่คอยให้บริการคุณ ตั้งแต่พนักงานบริการลูกค้าสัมพันธ์ไปจนถึงช่างบริการหน้างาน ให้ทุกปัญหาการซ่อมแซมของคุณเป็นเรื่องง่าย รวดเร็ว และฉับไว เพียงแจ้งปัญหางานซ่อม ถึงเวลาก็จะมีทีมงานบริการมืออาชีพไปหาคุณถึงบ้านทันที ตอบโจทย์แน่นอนเรื่องความสะดวกสบาย!

2. บริการตรวจเช็คสภาพรถอยู่เสมอ

เพราะคุณคือลูกค้าคนสำคัญของ H SEM  นั่นจึงทำให้มีบริการตรวจเช็คสภาพรถที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าของเรา ด้วยงานบริการ 1.5.12 โค้ดลับที่มีขึ้นมาเพื่อให้บริการตรวจเช็ครถของคุณฟรีทุก 1 เดือน 5 เดือน และ 12 เดือน เพื่อที่คุณจะได้หมดห่วงเรื่องปัญหางานซ่อมระหว่างการใช้งาน  แถมยังเป็นโอกาสดี ๆ ที่ทำให้คุณได้ตรวจสอบสภาพรถอยู่บ่อย ๆ ก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้นจริง

3. มาตรฐานการผลิตที่มีคุณภาพ

H SEM  บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายรถสามล้อไฟฟ้าที่ได้รับการรับรองคุณภาพจาก ISO 9001:2015 ทำให้มีทีมช่างผู้ชำนาญการและมีศักยภาพด้านอุตสาหกรรมการผลิตสูง นอกจากนี้แล้วบริษัทยังมีทีมเทคโนโลยีเพื่อวิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสียของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย 

คุณจึงมั่นใจได้เรื่องมาตรฐานสินค้า ที่สำคัญเอช เซม ยังมีบริการรับประกันสินค้า แบตเตอรี่ มอเตอร์ และ ยาง ตลอดอายุสัญญานานสูงสุดถึง 5 ปี ให้คุณมั่นใจเรื่องความปลอดภัยได้ตลอดการใช้งานอย่างแน่นอน!

4. อุ่นใจกับขั้นตอนการจัดส่ง

จบปัญหาต้องมารับรถถึงศูนย์จำหน่ายสินค้า กับบริการส่งรถถึงบ้านด้วยขั้นตอนการจัดส่งที่ได้มาตรฐานจาก H SEM ที่นอกจากจะอำนวยความสะดวกสบายสำหรับคุณแล้ว ยังช่วยให้คุณหมดห่วงเรื่องขั้นตอนการจัดส่ง ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนสินค้าก็ไปถึงมือของคุณอย่างปลอดภัย ด้วยบริการการจัดส่งที่ได้มาตรฐานจาก เอช เซม ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย สามล้อไฟฟ้าราคามิตรภาพ ที่ดีที่สุดในประเทศไทย

5. การออกแบบที่คิดมาแล้วสำหรับคุณ

รถสามล้อไฟฟ้าจาก H SEM ได้ออกแบบที่นั่งให้เหมาะสมกับสรีระของผู้ใช้งาน ด้วยพนักพิงที่มีความสูงพอเหมาะ ที่วางแขนที่ช่วยซัพพอร์ทให้การขับขี่ของคุณง่ายยิ่งกว่าที่เคย และเบาะนั่งป้องกันการลื่นไถล ทำให้คุณสามารถจัดท่าทางการขับขี่ที่ใช่ สะดวกสบายตลอดทุกการเดินทาง   

และนี่ก็คือ 5 เหตุผลสำคัญที่ทำให้การซื้อรถสามล้อไฟฟ้ากับ H SEM เป็นคำตอบที่ดีที่สุด เพราะนอกจากจะรักษ์โลก อำนวยความสะดวกสบายขณะขับขี่แล้ว มันยังปลอดภัยมากอีกด้วย เนื่องจากรถสามล้อไฟฟ้าของ H SEM คิดมาแล้วว่าความเร็วสูงสุดที่เท่าไหร่คุณถึงจะปลอดภัย          

รถสามล้ออเนกประสงค์

ซื้อ รถสามล้ออเนกประสงค์ STC 150 SP Foodtruck ดีอย่างไร?

เมื่อพูดถึงแบรนด์ H SEM เชื่อเหลือเกินว่าหลายคนจะต้องนึกถึงรถสามล้ออเนกประสงค์อย่างแน่นอน! ยิ่งถ้าเป็นรุ่น STC 150 SP Foodtruck ด้วยแล้ว บอกเลยว่าไม่มีลูกค้าท่านใดของ H SEM ไม่รู้จักรถสามล้อแบบอเนกประสงค์รุ่นนี้ สงสัยกันหรือไม่ว่าเพราะอะไร รถสามล้ออเนกประสงค์ STC 150 SP Foodtruck ถึงซื้อแล้วดี วันนี้ H SEM หาคำตอบมาให้คุณแล้ว!

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การซื้อรถสามล้ออเนกประสงค์ STC 150 SP Foodtruck ส่งผลดี

ก่อนที่เราจะไปพูดถึงเหตุผลที่ทำให้การซื้อรถสามล้ออเนกประสงค์ STC 150 SP Foodtruck ส่งผลดีกว่าที่คิดนั้น เราขออนุญาตพูดถึงรถสามล้ออเนกประสงค์คร่าว ๆ สักหน่อยเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน

เมื่อพูดถึง “รถสามล้ออเนกประสงค์” เดิมรถประเภทนี้ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์งานขนส่ง งานบรรทุก และการเกษตรกรเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันได้มีการดัดแปลงให้กลายเป็นรถฟู้ดทรัคกันมากขึ้น โดยรถประเภทนี้มักจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นพลังงานในการขับเคลื่อนเป็นหลัก และพ่วงด้วยกระบะด้านหลัง

เมื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับรถสามล้อเครื่องยนต์กันไปแล้ว ก็มาสู่คำถามที่หลายคนสงสัย นั่นก็คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้การซื้อรถสามล้ออเนกประสงค์ STC 150 SP Foodtruck ส่งผลดี งานนี้จะมีอะไรบ้าง เลื่อนลงไปอ่านกันได้เลย!

1. บริการหลังการขาย ตอบโจทย์เรื่องความสะดวกสบาย

ให้ชีวิตของคุณสะดวกสบายมากกว่าที่เคยด้วยบริการหลังงานขายอย่างบริการ Onsite Service ด้วยทีมงานบริการมืออาชีพที่คอยให้บริการคุณ ตั้งแต่พนักงานบริการลูกค้าสัมพันธ์ไปจนถึงช่างบริการหน้างาน ให้ทุกปัญหาการซ่อมแซมของคุณเป็นเรื่องง่าย รวดเร็ว และฉับไว เพียงแจ้งปัญหางานซ่อม ถึงเวลาก็จะมีทีมงานบริการมืออาชีพไปหาคุณถึงบ้านทันที จบปัญหาต้องนำ รถจักรยานยนต์สามล้อไฟฟ้า เข้าศูนย์ได้เลย!

2. ตรวจเช็คสภาพรถ เหมือนรถคนในครอบครัว

นอกจากงานบริการ Onsite Service แล้ว ทาง H SEM เองยังมีบริการ 1.5.12 อีกด้วย โดยโค้ดลับนี้มีขึ้นเพื่อให้บริการตรวจเช็ครถให้คุณฟรีทุก 1 เดือน 5 เดือนและ 12 เดือน ให้คุณหมดห่วงเรื่องปัญหางานซ่อมระหว่างการใช้งาน เพราะคุณคือลูกค้าคนสำคัญของ H SEM เราจึงต้องดูแลคุณให้ดีที่สุด

3. มาตรฐานการผลิตที่มีคุณภาพ

เนื่องจาก H SEM นั้นเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายรถสามล้ออเนกประสงค์ที่ได้รับการรับรองคุณภาพจาก ISO 9001:2015 ทำให้มีทีมช่างผู้ชำนาญการและมีศักยภาพด้านอุตสาหกรรมการผลิตสูง นอกจากนี้ยังมีทีมวิจัยเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อวิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสียของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย 

คุณจึงมั่นใจได้เรื่องมาตรฐานสินค้า ที่สำคัญ เอช เซม ยังมีบริการรับประกันสินค้า แบตเตอรี่ มอเตอร์ และ ยาง ตลอดอายุสัญญานานสูงสุดถึง 5 ปี ให้คุณมั่นใจเรื่องความปลอดภัยได้ตลอดการใช้งานอย่างแน่นอน!

4. อุ่นใจกับขั้นตอนการจัดส่ง

ให้คุณหมดห่วงเรื่องขั้นตอนการจัดส่ง ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนสินค้าก็ไปถึงมือของคุณอย่างปลอดภัย ด้วยบริการการจัดส่งที่ได้มาตรฐานจาก เอช เซม ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย สามล้อไฟฟ้าราคามิตรภาพ ที่ดีที่สุดในประเทศไทย

5. การออกแบบที่คิดมาแล้วสำหรับคุณ

หมดปัญหาการซื้อรถอเนกประสงค์แล้วต้องนำไปต่อเติมเพิ่มทันที เพราะรถสามล้ออเนกประสงค์ รุ่น STC 150 SP Foodtruck ได้ออกแบบมาเพื่อธุรกิจฟู้ดทรัคของคุณโดยเฉพาะเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเคาน์เตอร์ ระบบไฟฟ้า ปลั้กไฟ H SEM ได้เตรียมไว้ให้คุณพร้อมแล้ว เพราะคุณคือหัวใจสำคัญของเรา! 

ฝุ่น-PM2.5

รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ทางออกเพื่อลดการเพิ่มฝุ่น PM2.5

เมื่อพูดถึงปัญหา PM2.5 ในปัจจุบัน เชื่อเหลือเกินว่าจะต้องเป็นปัญหาใหญ่ที่หลายประเทศต้องประสบพบเจอ ไม่เว้นแม้กระทั่งประเทศไทยเอง นั่นจึงทำรถพลังงานไฟฟ้ากลายเป็นทางออกเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำไมรถพลังงานไฟฟ้าถึงถูกผลักดันให้เข้ามาลดปัญหาการเพิ่มของฝุ่น PM2.5 ใครที่กำลังสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ วันนี้ H SEM หาคำตอบมาให้คุณแล้ว!

ตอบคำถามที่หลายคนสงสัย รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ทางออกของปัญหาฝุ่น PM2.5 เพิ่มขึ้น

ก่อนที่เราจะไปพูดถึงเหตุผลที่ทำให้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าหรือรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเป็นทางออกของการเพิ่มฝุ่น PM2.5 เราขอพูดเกี่ยวกับฝุ่นชนิดนี้กันสักหน่อยว่ามันคืออะไร และมีต้นตอมาจากสิ่งใดเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน!

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า PM ย่อมาจาก Particulate Matters เป็นคำเรียกค่ามาตรฐานของฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยฝุ่นชนิดนี้จะมีอนุภาคขนาดเล็ก ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มีเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยน้อยกว่า 2.5 ไมโครเมตร แขวนลอยอยู่ในอากาศรวมกับไอน้ำ ควัน และก๊าซต่าง ๆ ถึงจะเป็นเพียงฝุ่นละอองขนาดจิ๋วแต่เมื่ออยู่รวมกันจะเกิดเป็นภาพหมอกควันขนาดใหญ่

แม้ว่าฝุ่น PM2.5 จะมีขนาดที่เล็กมาก แต่ความร้ายกาจของฝุ่นชนิดนี้ไม่ได้เล็กน้อยเลย ฝุ่นละออง PM2.5 ถือเป็นมลพิษต่อสุขภาพของมนุษย์ตามที่องค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญและออกมาแจ้งเตือนให้ทราบ เพราะเป็นฝุ่นที่มีขนาดเล็กมาก เส้นผมที่ว่ามีขนาดเล็กแล้ว เจ้า PM2.5 ยังเล็กกว่าเส้นผมถึง 20 เท่า ทำให้เล็ดลอดผ่านขนจมูกเข้าสู่ปอด และหลอดเลือดได้ง่าย ส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว

เหตุผลที่ทำให้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคือทางออกการลดฝุ่น PM2.5

1. ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า

ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าหรือมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้านั้นขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ทำให้ไม่ต้องใช้น้ำมันในการเป็นเชื้อเพลิงเพื่อขับเคลื่อนไฟฟ้า เมื่อไม่มีการใช้น้ำมันผลต่อมาก็คือไม่เกิดควันเสียจากการสันดาปกันของเครื่องยนต์ เนื่องจากรถพลังงานไฟฟ้านั้นไม่ต้องผ่านการสันดาปของเครื่องยนต์เพื่อให้ตัวรถขับเคลื่อนได้นั่นเอง

2. ลดการใช้ทรัพยากรโลกอย่างน้ำมัน

สำหรับข้อนี้เป็นอะไรที่สำคัญอย่างมาก เนื่องจาก “น้ำมัน” นั้นคือตัวช่วยที่ทำให้รถแบบปกติทั่วไปสามารถขับเคลื่อนได้นั่นเอง ซึ่งข้อดีส่วนนี้ของน้ำมันทำให้เกิดผลกระทบเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่ทรัพยากรโลกที่ร่อยหรอลงเพียงอย่างเดียว แต่การใช้น้ำมันยังส่งผลให้เกิดฝุ่น PM2.5 เพิ่มขึ้นอีกด้วย การใช้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจึงกลายเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้

3. อายุการใช้งานยาวนาน

ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้านั้นมีการทำงานของเครื่องยนต์ที่แตกต่างจากรถปกติทั่วไป กล่าวคือรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไม่ต้องผ่านการสันดาปกันของเครื่องยนต์ ทำให้อายุการใช้งานของรถประเภทนี้ยาวนานกว่ารถแบบทั่วไปนั่นเอง

4. ประหยัดค่าใช้จ่าย

เนื่องจากปัญหาทรัพยากรอย่างน้ำมันเริ่มมีปริมาณที่ร่อยหรอลง ทำให้ราคาน้ำมันนั้นเพิ่มสูงขึ้น สวนทางกับราคาค่าไฟซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่ช่วยขับเคลื่อนรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า จะดีกว่าไหมหากคุณเปลี่ยนมาใช้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า นอกจากจะช่วยลดรายจ่ายอย่างค่าน้ำมันแล้ว ยังช่วยลดความถี่ในการจ่ายค่าซ่อมบำรุงรถบ่อย ๆ อีกด้วย เนื่องจากการทำงานของมอเตอร์รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไม่ต้องทำการสันดาปกันนั่นเอง

และนี่ก็คือสาระดี ๆ ที่ H SEM นำมาฝากคุณผู้อ่านในวันนี้ ใครที่กำลังกังวลว่าจะใช้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าดี หรือไม่ใช้ดี หลังจากที่อ่านบทความนี้จบ เราเชื่อเหลือเกินว่าคุณจะได้คำตอบที่ชัดเจนในใจกันแล้วนะ 

รถสามล้อไฟฟ้า

“รถสามล้อไฟฟ้า” ยานพาหนะที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์

เมื่อพูดถึง “โรคเก๊าท์” เชื่อเหลือเกินว่าไม่มีใครไม่รู้จักโรคนี้ แต่คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่า นอกจากอาการของโรคเก๊าจะเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว มันยังส่งผลกระทบต่อการขับรถมอเตอร์ไซค์ได้อีกนะ แต่ทุกอย่างสามารถผ่านไปได้ด้วยดี หากคุณมีรถสามล้อไฟฟ้า สงสัยหรือไม่ว่ารถประเภทนี้จะมีส่วนช่วยให้การขับขี่ของคุณราบรื่นได้อย่างไร งานนี้ H SEM หาคำตอบมาให้คุณแล้ว!

เหตุผลที่ทำให้รถสามล้อไฟฟ้าเป็นยานพาหนะที่ดีที่สุดสำหรับคนเป็นโรคเก๊าท์

ก่อนที่เราจะพูดถึงเหตุผลที่ทำให้รถสามล้อไฟฟ้าเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์ เราขออนุญาตพูดถึงโรคเก๊าท์สักเล็กน้อยว่ามันเกิดจากอะไร

โรคเก๊าท์ คือ ภาวะที่ร่างกายมีกรดยูริกสูงมากในเลือด สะสมมาเป็นระยะเวลานาน จนกรดยูริกนั้นตกตระกอนอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย อาจใช้เวลานานถึง 10 ปี กว่าจะแสดงอาการข้ออักเสบ ปวดแดงร้อนที่ข้อ ถ้ากรดยูริกสะสมตามผิวหนังจะทำให้มีปุ่มนูนขึ้นตามผิวหนัง แต่ถ้ากรดยูริกไปตกตะกอนที่ไตจะทำให้เกิดนิ่วในไตและไตเสื่อมได้ในที่สุด 

โดยส่วนใหญ่โรคนี้มักเกิดจากพฤติกรรมการกินอาหารที่มีสารพิวรีนสูงเป็นประจำ ซึ่งสารพิวรีนเป็นสารตั้งต้นที่ก่อให้เกิดกรดยูริก โดยเฉพาะแอลกอฮอล์ เป็นตัวสำคัญที่ทำให้ระดับกรดยูริกในเลือดสูงขึ้น คนที่เป็นโรคอ้วน น้ำหนักเกิน และผู้สูงอายุบางรายมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้

1. ใช้วิธีเบรกด้วยมือ

สำหรับข้อนี้เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่สำคัญต่อผู้ป่วยโรคเก๊าท์เป็นอย่างมาก เนื่องจากการเบรกด้วยมือนั้นช่วยตัดปัญหาการใช้ข้อเท้าที่กำลังอักเสบจากการปวดด้วยโรคเก๊าท์ในการเหยียบเบรกของรถยนต์ 

โดยในผู้ป่วยโรคเก๊าท์ ส่วนใหญ่มักจะมีข้อจำกัดในการเหยียบเบรกที่มากกว่าคนปกติทั่วไปเวลาที่ร่างกายมีอาการกำเริบของโรคเก๊าท์ นั่นจึงทำให้ไม่สามารถเหยียบเบรกได้เต็มที่ ซึ่งอันตรายเป็นอย่างมากในการขับขี่บนท้องถนน  แต่ปัญหานี้จะหมดไปหากคุณใช้รถสามล้อไฟฟ้า

2. เปลี่ยนเกียร์ด้วยการกดที่สวิตช์เปลี่ยนเกียร์

หากเป็นรถมอเตอร์ไซค์แบบมีเกียร์ คุณอาจจะต้องใช้ใช้แรงจากข้อเท้าในการตบเกียร์เพื่อที่จะเปลี่ยนเกียร์รถมอเตอร์ไซค์เป็นเกียร์ 1, เกียร์ 2 และเกียร์ 3 ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างมากสำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์ที่มีอาการข้อเท้าอักเสบปวด แต่ปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้นหากคุณใช้รถสามล้อไฟฟ้าเป็นพาหนะในการขับขี่ เนื่องจากสามารถเปลี่ยนเกียร์ด้วยการกดที่สวิตช์เปลี่ยนเกียร์ได้เลย

3. ที่นั่งที่สะดวกสบาย

ให้คุณผ่อนคลายยิ่งกว่าที่เคยกับที่นั่งที่สะดวกสบายจากรถสามล้อไฟฟ้าที่มาพร้อมกับรูปทรงที่เหมาะสมกับสรีระของผู้ขับขี่ ทำให้คุณลืมไปได้เลยกับที่นั่งแบบเดิม ๆ ที่ไม่ตอบโจทย์สรีรศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นพนักพิงที่มีความสูงพอเหมาะ ที่วางแขนที่ช่วยซัพพอร์ทการขับขี่ของคุณ และเบาะนั่งป้องกันการลื่นไถล ให้คุณสามารถจัดท่าทางการขับขี่ที่ใช่ ไร้ปัญหากวนใจในทุกการเดินทาง!

และนี่ก็คือ 3 คำตอบดี ๆ ที่ทำให้รถสามล้อไฟฟ้าตอบโจทย์สำหรับผู้ป่วยสูงอายุ งานนี้ที่บ้านใครที่กำลังมีผู้ป่วยโรคเก๊าท์อยู่ แล้วได้รับความลำบากในการขับขี่ H SEM ขอแนะนำให้คุณซื้อรถสามล้อไฟฟ้าสำหรับเป็นพาหนะในการขับขี่ของพวกเขา

ยิ่งถ้าเป็นรถสามล้อไฟฟ้าจาก H SEM ด้วยแล้วละก็ เราขอบอกเลยว่ามั่นใจได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นบริการหลังการขาย, ผลิตภัณฑ์ที่คิดมาแล้วเพื่อความปลอดภัย และดีไซน์ที่ทันสมัย เพราะ H SEM คือ ที่สุดแห่งการขับขี่!

รถไฟฟ้าอเนกประสงค์

เหตุผลที่ทำให้ รถไฟฟ้าอเนกประสงค์ ตอบโจทย์โครงการหมู่บ้าน!

เคยสังเกตกันไหมว่ารถส่วนกลางในโครงการหมู่บ้านส่วนใหญ่นั้นมักที่จะเป็น รถไฟฟ้าอเนกประสงค์ เป็นหลัก ไม่ว่าจะโครงการไหน บริษัทอะไรก็ตามแต่ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น งานนี้ใครที่กำลังสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ วันนี้  H SEM หาคำตอบมาให้คุณแล้ว รับรองว่าหลังจากที่อ่านบทความนี้จบ คุณจะเข้าใจแน่นอนว่าทำไมโครงการหมู่บ้านต่าง ๆ ถึงเลือกใช้รถไฟฟ้าอเนกประสงค์

ทำความรู้จัก รถไฟฟ้าอเนกประสงค์ รถยอดนิยมที่โครงการหมู่บ้านชอบใช้!

ก่อนที่เราจะไปพูดถึงเหตุผลที่ทำให้รถไฟฟ้าอเนกประสงค์กลายเป็นรถยอดนิยมที่โครงการหมู่บ้านชื่นชอบนั้น เราขออนุญาตพูดถึงความหมายของรถไฟฟ้าอเนกประสงค์กันก่อน เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน

รถไฟฟ้าอเนกประสงค์ คือ รถที่ถูกออกแบบมาให้มีรูปทรงคล้ายกับรถกอล์ฟไฟฟ้า แตกต่างก็ตรงที่รถประเภทนี้จะพ่วงกระบะหลังเข้าไปแทน ทำให้มันสามารถขนส่ง บรรทุกได้มากกว่าที่รถกอล์ฟไฟฟ้าทำได้นั่นเอง 

เมื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับรถไฟฟ้าอเนกประสงค์กันไปแล้ว ก็มาสู่คำถามที่หลาย ๆ คนสงสัยกัน นั่นก็คือ เหตุผลที่ทำรถไฟฟ้าแบบอเนกประสงค์นั้นตอบโจทย์หมู่บ้าน งานนี้จะมีเหตุผลอะไรบ้าง H SEM หาคำตอบมาให้คุณแล้ว!

1. ไร้เสียงรบกวน

อย่างที่เราทราบกันดีว่ารถพลังงานไฟฟ้านั้น เป็นรถที่ไม่ต้องผ่านการสันดาปกันของเครื่องยนต์ ทำให้สามารถขับเคลื่อนรถไปข้างหน้าได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้รถไฟฟ้าอเนกประสงค์นั้นไร้เสียงรบกวน ที่พิเศษกว่านั้นก็คือรถประเภทนี้สามารถทำให้มีอัตราเร่งเป็นไปอย่างที่ใจต้องการ เนื่องจากไม่ต้องทดเกียร์นั่นเอง ทำให้สามารถตอบสนองการขับขี่ได้ตามความต้องการของผู้ขับ

2. ประหยัดค่าใช้จ่าย

อย่างที่เราได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่ารถไฟฟ้าอเนกประสงค์นั้นไม่ต้องผ่านการสันดาปของเครื่องยนต์ ตัวรถก็สามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้จากพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่ และด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้คุณสามารถประหยัดเงินค่าน้ำมันและค่าซ่อมบำรุง เนื่องจากรถพลังงานไฟฟ้านั้นมีอายุการใช้งานที่ยืนนาน เมื่อเทียบกับรถแบบปกติทั่วไปที่ขับเคลื่อนด้วยการสันดาป ทีสำคัญคุณยังไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอีกด้วย เพราะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเป็นหลักนั่นเอง

3. มีบริการหลังการขาย

เนื่องจากในปัจจุบันความนิยมของผู้ใช้งานรถพลังงานไฟฟ้านั้นยังมีไม่มาก ทำให้หลายบริษัทที่ผลิตและจัดจำหน่ายรถพลังงานไฟฟ้าออกมาตรการบริการหลังงานขายมาเพื่อรองรับกับปัญหางานซ่อมที่อาจเกิดขึ้นหลังการซื้อได้ เพื่อเป็นตัวช่วยประกอบการซื้อสินค้าของลูกค้านั่นเอง 

4. ปรับใช้ได้หลากหลาย

อย่างที่เราได้บอกไปก่อนหน้านี้ว่ารถไฟฟ้าอเนกประสงค์นั้นส่วนใหญ่มักจะมีกระบะพ่วงอยู่ด้านหลัง นั่นจึงทำให้คุณสามารถนำมันไปปรับใช้ได้หลากหลายกว่ารถทั่วไปนั่นเอง 

และนี่ก็คือ 4 เหตุผลที่ H SEM คัดมาแล้วว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โครงการหมู่บ้านส่วนใหญ่เลือกใช้งานรถไฟฟ้าอเนกประสงค์

เด็กหอ

รู้หรือไม่? ค่าใช้จ่าย เด็กหอ ไทย ในหนึ่งเดือนตกเป็นเงินกี่บาท

ขึ้นชื่อว่า “เด็กหอ” แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องมีค่าใช้จ่ายในแต่ละวันอย่างแน่นอน! เนื่องจากอยู่ไกลบ้าน และต้องออกไปใช้ชีวิตด้วยตนเอง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วอีกสิ่งหนึ่งที่ตามมาหลังการออกไปใช้ชีวิตด้วยตนเองก็คือการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายของตนเองในแต่ละเดือน งานนี้ในแต่ละเดือนเหล่าเด็กหอเขามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ใครที่กำลังสงสัยอยู่วันนี้ H SEM หาคำตอบมาให้คุณแล้ว!

เช็คลิสต์ 5 รายจ่ายที่ เด็กหอ ต้องเจอ!

1. ค่าอาหาร

สำหรับค่าอาหารเรียกได้ว่าเป็นรายจ่ายที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เนื่องจากการออกไปอยู่หอคือการออกไปใช้ชีวิตด้วยตนเอง นั่นจึงทำให้รายจ่ายอย่างค่าอาหารกลายเป็นสิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หากอยู่หอที่มหาลัยต่างจังหวัดค่าอาหารก็คงจะไม่สูงเท่าไหร่ น่าจะตกอยู่ที่ราว ๆ มื้อละ 50 บาท

เท่ากับในหนึ่งวันมีค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารอยู่ที่ 150 บาท เพิ่มค่าขนมจุกจิกและค่าน้ำสักเล็กน้อยอีก 50 บาท เท่ากับว่าใน 1 วัน เด็กหอมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 200 บาท เมื่อเทียบเป็นรายเดือน เท่ากับว่า ใน 1 เดือน เด็กหอมีรายจ่ายค่าอาหารอยู่ที่เดือนละ 6,000 บาท นี่เป็นเพียงค่าใช้จ่ายรายเดือนของเด็กหอแบบกินสบายไม่อัตคัตในมหาลัยต่างจังหวัดเท่านั้นนะ ยังไม่คิดไปถึงค่าอาหารของเด็กหอที่อยู่ในกรุงเทพฯ อีก 

2. ค่าเดินทาง

สำหรับค่าเดินทางเด็กหอบางคนอาจจะเลี่ยงค่าใช้จ่ายอย่างค่าเดินทางด้วยการอยู่หอพักใกล้มหาวิทยาลัย หรืออยู่หอใน แต่สำหรับเด็กหอบางคนอาจจะเลือกอยู่หอที่ไกลมหาวิทยาลัยหน่อย แต่ใกล้แหล่งของกินแทน ซึ่งในบางรายอาจจะต้องจ่ายค่าเดินทางให้วินมอเตอร์ไซค์ เฉลี่ยวันละ 40 บาท หรือจ่ายเป็นค่าน้ำมันสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ของตนเอง อาทิตย์ละ 200 บาท ก็ว่ากันไป ขึ้นอยู่กับการเดินทางของแต่ละคน 

3. ค่าเอกสารประกอบการเรียน

สำหรับค่าเอกสารประกอบการเรียน ยกตัวอย่างเช่น ชีทเรียน, ใบ Proposal ที่ต้องใช้ประกอบการเรียน และ สรุปก่อนสอบที่ต้องใช้ในการสอบต่าง ๆ เราขอเฉลี่ยให้อยู่ที่ 500 บาท เนื่องจากค่าเอกสารประกอบการเรียนในแต่ละเดือนนั้นมีรายจ่ายไม่เท่ากัน เราจึงไม่สามารถตีรายจ่ายในแต่ละเดือนได้อย่างชัดเจน

4. ค่าอุปกรณ์การเรียน

ถึงแม้ว่าคุณจะผ่านวัยประถมศึกษา วัยมัธยมศึกษากันมาแล้ว จนคาดว่าค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์การเรียนอย่างสมุดจด ปากกา และน้ำยาลบคำผิดจะลดลง แต่ใช่ว่ารายจ่ายนี้จะไม่มีเลย ขึ้นชื่อว่าเป็นนักศึกษาอย่างไรก็ต้องมีค่าใช้จ่ายสำหรับอุปกรณ์การเรียนเพื่อการศึกษาบ้าง

โดยเราขอเฉลี่ยค่าอุปกรณ์การเรียนต่อเดือนให้อยู่ที่ 300 บาท เนื่องจากสมุด 1 เล่มในการเรียนมหาลัยไม่ได้จำกัดว่าจะต้องใช้เฉพาะวิชานั้น ๆ คุณจึงสามารถใช้เขียนเพื่อจดเนื้อหาการเรียนได้หลายวิชา 

5. ค่าที่พัก 

มาถึงค่าใช้จ่ายสุดท้ายกันบ้างสำหรับค่าใช้จ่ายอย่างค่าที่พัก ขึ้นชื่อว่าเด็กหอ จะหลีกเลี่ยงไม่มีค่าใช้จ่ายอย่างที่อยู่อาศัยได้อย่างไร โดยค่าหอส่วนใหญ่เฉลี่ยต่อเดือนรวมค่าน้ำค่าไฟเรียบร้อยแล้ว อยู่ที่เดือนละ 4,500 – 8,500 บาท หากคุณอาศัยอยู่กับเพื่อนร่วมหอ ค่าใช้จ่ายอย่างค่าที่พักก็จะถูกลงไปอีกเนื่องจากมีคนมาช่วยหารค่าหอนั่นเอง

ประหยัดค่าเดินทางควบคู่กับการรักษ์โลกด้วย รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า CIAO 

สำหรับนักศึกษาที่อยู่หอแล้วมีความจำเป็นต้องใช้มอเตอร์ไซค์จะดีกว่าไหมหากคุณประหยัดค่าใช้จ่ายจากการเติมน้ำมันควบคู่ไปกับการรักษ์โลกด้วย รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า CIAO จาก H SEM บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถกอล์ฟไฟฟ้า รถชมวิวไฟฟ้า รถอเนกประสงค์ รถสามล้อไฟฟ้า รถสามล้อเครื่องยนต์ และรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย

รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า CIAO มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “Life is FUN เปิดโลกยุคใหม่ สไตล์คุณ” ให้คุณสนุกไปกับการขับขี่ โดยรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้มาพร้อมกับสีสันที่มากมายให้คุณเลือกได้ถึง 4 สี ไม่ว่าจะเป็นสีแดง, สีเหลือง, สีฟ้า และสีขาว ตอบโจทย์ตรงใจไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่แบบสุด ๆ 

มาพร้อมกับมอเตอร์ประสิทธิภาพสูงขนาด 2,000 วัตต์ ที่ออกแบบมาเพื่อการขับขี่รถ H SEM รุ่น CIAO โดยเฉพาะ ให้คุณขับขี่ความเร็วได้ถึง 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง พร้อมปรับระดับความเร็วได้ถึง 3 ระดับ พิเศษยิ่งกว่ากับระบบล็อคความเร็วที่คุณเลือกได้!

ขับขี่ได้อย่างปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำจาก H SEM กับชุดแบตเตอรี่สามารถถอดออกไปชาร์จได้ขนาด 60V20Ah ที่มาพร้อมกับระบบ BMS ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรแบบมีระดับ ค่าใช้จ่ายเพียง 6-7 บาทต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ใช้เวลาในการชาร์จเพียง 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น ลืมรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบบเดิม ๆ ที่เคยเจอมาได้เลย

งานนี้ใครที่อยากประหยัดค่าใช้จ่ายควบคู่กับการรักษ์โลกไม่ควรพลาดรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า CIAO จาก H SEM เด็ดขาด โดยรถมอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้าคันนี้จะเปิดขายในวันที่ 25 มิถุนายน 2563 ที่จะถึงนี้ พร้อมของแถมพรีเมียมสุดพิเศษมีให้เฉพาะแค่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า H SEM รุ่น CIAO เท่านั้น จองก่อน มีสิทธิ์ก่อน!

รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า

เอช เซม รุกตลาดมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า พร้อมเปิดตัวถึง 3 รุ่น

นายวันชัย ลี้นะวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทได้มุ่งเน้นให้ความสำคัญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและการประหยัดพลังงานตลอดมานั้น ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า หรือรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าขึ้น 3 รุ่น โดยจะเริ่มวางตลาดอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน 2563 ซึ่งทั้ง 3 รุ่นเป็นรถที่จดทะเบียนได้ถูกต้องตามกฎหมาย คาดว่าจะจำหน่ายได้ในปีนี้ประมาณ 600 คัน

สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั้ง 3 รุ่นที่จะออกจำหน่ายนี้ประกอบด้วย รุ่นเอช เซม เชา เป็นรถที่ใช้มอเตอร์ขับเคลื่อน DC 60V 2000W มีชื่อเรียกว่า Brushless Hub-Motors ความเร็วสูงสุด 60 กม./ชม. มาพร้อมกุญแจรีโมต ปุ่มกดสตาร์ต สัญญาณกันขโมย และระบบครุยส์คอนโทรลสำหรับล็อกความเร็ว มีให้เลือก4 สี คือ แดง เหลือง ฟ้า และขาว ราคา 49,700 บาท

อีกรุ่นหนึ่ง คือ เอช เซม โมบิล่า รุ่นนี้จะแบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย คือ รุ่น G และรุ่น S สำหรุ่น G นั้นจะใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนแบบเกียร์มอเตอร์ DC 72V 3000W ปรับความเร็วแบบเกียร์โลว์ไฮ ส่วนรุ่น S ใช้มอเตอร์ DC 72V 3000W แบบ Brushless Hub-Motors

โดยรถรุ่นนี้มีความเร็วสูงสุด 60 กม./ชม. ปรับความเร็วได้ 2 ระดับพร้อมระบบถอยหลัง มาพร้อมที่เก็บสัมภาระด้านหลังขนาดใหญ่ สามารถติดตั้งกล่องอเนกประสงค์ด้านหลัง พร้อมช่องใส่แบตเตอรี่ได้ถึง 2 ลูก เหมาะกับธุรกิจกลุ่มดีลิเวอรี่หรือใช้ส่งสินค้า มีให้เลือก 4 สี คือ แดง ฟ้า เทา และดำ ราคา 89,900-92,200 บาท

และสุดท้ายเป็นรุ่นเอช เซม วิงส์ ใช้มอเตอร์ขับเคลื่อน DC 72V 3000W แบบ Brushless Hub-Motors ความเร็วสูงสุด 60 กม./ชม. ปรับความเร็วได้ 3 ระดับ พร้อมระบบถอยหลัง มีความเรียบหรู สวยงามด้วยขอบโครเมียมรอบคัน พร้อมกล่องใส่ของ U Box ใต้เบาะ มี 4 สี คือ แดง ขาว เทา และดำ ราคาอยู่ที่ 95,700 บาท

โดยทุกรุ่นมีการรับประกันมอเตอร์สูงสุด 3 ปี หรือ 30,000 กม. แบตเตอรี่ 2 ปี เฉพาะรุ่นวิงส์ และโมบิล่า ส่วนรุ่นเชา รับประกันแบตเตอรี่ 1 ปี อุปกรณ์ไฟฟ้าและตัวรถรับประกัน 1 ปี หรือ 10,000 กม. พร้อมบริการตรวจซ่อมและตรวจเช็กฟรี 3 ครั้ง

ลูกค้าสามารถนำรถมาที่ตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้าน หรือต้องการให้เข้าบริการ ณ พื้นที่ใช้งาน สามารถโทร.นัดหมายล่วงหน้าได้ และที่สำคัญหมดกังวลเรื่องการหาอะไหล่ เพราะเอช เซม มีคลังอะไหล่ทุกชิ้นรองรับตลอดอายุการใช้งานได้อย่างแน่นอน

สำหรับแผนธุรกิจของมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า นายวันชัยกล่าวว่า

“ด้านการผลิตในปีแรกจะเป็นการนำเข้าทั้งคัน และหลังจากนั้นจะประกอบและผลิตเองในประเทศไทย โดยใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศและนำเข้าเฉพาะบางชิ้นส่วน เพื่อให้เม็ดเงินอยู่กับประเทศไทย

ด้วยศักยภาพและความพร้อมของสายพานการผลิตที่มีอยู่ เพียงปรับเพิ่มเติมเล็กน้อย ก็สามารถเริ่มการผลิตได้ และเป็นการใช้เครื่องมือเครื่องจักรที่มีอยู่ให้คุ้มค่ากับการลงทุนมากยิ่งขึ้น ส่วนการขายตั้งเป้าไว้ที่ 600 คันภายในปีนี้”

เอช เซม มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ออกแบบภายใต้แนวคิด “ก้าวล้ำทุกสไตล์ในแบบคุณ” หรือ “Unique On Your Way” เราผ่านการตรวจสอบมาตรฐานในประเทศไทย และสามารถจดทะเบียนกับกรมการขนส่งฯ

โดยทุกรุ่นจุผู้โดยสารได้ 2 ที่นั่ง รับน้ำหนักบรรทุกได้ถึง 150 กก. มีความแข็งแรงด้วยโครงสร้างเหล็ก ขับขี่ง่ายด้วยการควบคุมแบบแฮนด์บิดคันเร่ง ตกแต่งสวยงาม ดูทันสมัยด้วยเรือนไมล์แบบดิจิทัล พร้อมไฟ LED รอบคัน พร้อมดิสก์เบรกหน้า-หลัง ล้อแม็กอะลูมิเนียมอัลลอย แบตเตอรี่แบบลิเทียม สามารถยกตัวแบตเตอรี่ออกมาชาร์จไฟด้านนอกได้ และจะใช้เวลาชาร์จเต็มภายใน 4 ชั่วโมง โดยมีประมาณการค่าไฟอยู่ที่ 7 บาทต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

รถกอล์ฟไฟฟ้าโซลาร์เซลล์

รถกอล์ฟไฟฟ้าพ่วงโซลาเซลล์ ตัวช่วยธุรกิจสนามกอล์ฟที่ดีที่สุด

เมื่อพูดถึงสนามกอล์ฟเชื่อเหลือเกินว่าหลายคนจะต้องนึกถึงรถกอล์ฟอย่างแน่นอน และรถกอล์ฟที่ดีที่สุด ตอบโจทย์เทรนด์รักษ์โลกที่สุดก็คือรถกอล์ฟไฟฟ้า แต่คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่ารถกอล์ฟไฟฟ้านั้นมีหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นก็คือรถกอล์ฟไฟฟ้าพ่วงโซลาเซลล์ งานนี้ใครที่กำลังสงสัยว่ารถกอล์ฟไฟฟ้าประเภทนี้เขามีอะไรดี H SEM หาคำตอบมาให้คุณแล้ว!

เหตุผลที่ทำให้ “รถกอล์ฟไฟฟ้าพ่วงโซลาเซลล์” ตอบโจทย์ธุรกิจสนามกอล์ฟ

ก่อนที่เราจะกล่าวถึงเหตุผลที่ทำให้รถกอล์ฟไฟฟ้าพ่วงโซลาร์เซลล์ตอบโจทย์ธุรกิจสนามกอล์ฟ เราขออนุญาตเกริ่นเกี่ยวกับรถกอล์ฟสักหน่อย เพื่อที่ผู้อ่านจะได้เข้าใจเกี่ยวกับมันมากขึ้น โดยรถกอล์ฟนั้นคือรถชนิดหนึ่งที่นิยมใช้ในสนามกอล์ฟ เนื่องจากในการเล่นกอล์ฟนั้นต้องใช้พื้นที่เยอะ ทำให้สนามกอล์ฟนั้นมีขนาดใหญ่

การจะไปเดินเล่นกอล์ฟในสนามใหญ่ ๆ ก็คงจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างลำบากไปสักหน่อย เพราะไหนจะต้องตีกอล์ฟ ไหนจะต้องขนของ สัมภาระต่าง ๆ ที่มีน้ำหนักมากอีก จะดีกว่าไหมหากธุรกิจสนามกอล์ฟของคุณมีรถกอล์ฟไว้อำนวยความสะดวกผู้ใช้บริการ ยิ่งถ้าเป็นรถกอล์ฟไฟฟ้าพ่วงโซลาเซลล์ด้วยยิ่งดีเข้าไปใหญ่ เพราะนอกจากจะรักษ์โลกแล้วยังประหยัดพลังงานอีกด้วย

1. สามารถเลือกจำนวนที่นั่งได้หลากหลาย

ให้คุณเลือกจำนวนที่นั่งได้มากกว่าที่เคยด้วยรถกอล์ฟไฟฟ้าพ่วงโซลาเซลล์ กับความพิเศษที่มีจำนวนที่นั่งมากมายหลากหลาย ให้คุณเลือกได้ว่าต้องการรถกอล์ฟไฟฟ้าพ่วงโซลาร์เซลล์ตั้งแต่ 2-23 คน ขึ้นไปได้อย่างอิสระ

2. เลือกโดยพิจารณาจากความเร็วที่ทำได้

โดยทั่วไปแล้วรถกอล์ฟไฟฟ้าพ่วงโซลาเซลล์สามารถทำความเร็วได้ตั้งแต่  20-29 กม./ชม. แต่ก็มีรถกอล์ฟไฟฟ้าพ่วงโซลาเซลล์บางรุ่นที่ทำความเร็วได้มากถึง 45 กม./ชม. ขึ้นอยู่กับขนาดและความต้องการของผู้ใช้งาน

3. ประโยชน์ที่มากกว่าแค่ในสนามกอล์ฟ

จริงอยู่ที่รถกอล์ฟไฟฟ้าทุกรุ่น ทุกประเภท ไม่เว้นแม้กระทั่งรถกอล์ฟไฟฟ้าพ่วงโซลาเซลล์นั้นผลิตขึ้นมาเพื่อใช้งานในสนามกอล์ฟโดยเฉพาะ แต่คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าแท้จริงแล้วรถกอล์ฟไฟฟ้ารวมถึงรถกอล์ฟไฟฟ้าโซลาเซลล์สามารถนำไปใช้งานนอกสนามกอล์ฟไดด้วยเช่นกันนะ อาทิ ห้างสรรพสินค้า, โรงพยาบาล และสนามบิน เป็นต้น

4. ประหยัดพลังงานมากกว่า

รถกอล์ฟไฟฟ้าพ่วงโซลาเซลล์นั้นจะมีความพิเศษกว่ารถกอล์ฟไฟฟ้าแบบทั่วไป กล่าวคือรถกอล์ฟประเภทนี้จะมีพลังงานไฟฟ้าสำรองทำให้ชะลอความเร็วในการชาร์จไฟให้มันนานขึ้นกว่าเดิม ทำให้สามารถประหยัดพลังงานได้สูงถึง 35 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

และนี่ก็คือ 4 เหตุผลที่ทำให้รถกอล์ฟไฟฟ้าพ่วงโซลาเซลล์คือตัวช่วยธุรกิจสนามกอล์ฟที่ดีที่สุด งานนี้ใครที่สนใจรถกอล์ฟไฟฟ้าพ่วงโซลาเซลล์แต่ไม่รู้ว่าควรจะซื้อผลิตภัณฑ์รถกอล์ฟไฟฟ้ากับที่ไหนดี H SEM คือคำตอบ! ด้วยบริการ Onsite Service ที่คิดมาแล้วสำหรับคุณ และรูปแบบการเช่าซื้อที่หลากหลายให้คุณมีอิสระในการเลือกมากกว่าที่เคย

รถสามล้อไฟฟ้า

เหตุผลที่ผู้สูงอายุควรใช้ รถสามล้อไฟฟ้า

เมื่อพูดถึงการขับขี่ยานยนต์ของผู้สูงอายุ เชื่อเหลือเกินว่าหลายคนมองว่าเป็นพฤติกรรมเสี่ยงที่ค่อนข้างอันตราย เนื่องจากมองว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนนนั้นมาจากผู้สูงอายุ ด้วยข้อจำกัดในการขับขี่มากมาย อาทิ การหลงลืมเส้นทางในการเดินทาง, การหลงลืมมารยาทในการขับขี่รถบนท้องถนน และอาการป่วยอื่น ๆ ที่มีผลต่อการขับรถ

แต่ทุกปัญหาล้วนมีทางออกกับ รถสามล้อไฟฟ้า ตัวช่วยในการขับขี่ยานยนต์ของผู้สูงอายุ งานนี้สามล้อไฟฟ้ามีอะไรดีที่ตอบโจทย์การขับขี่ยานยนต์ของผู้สูงอายุ H SEM หาคำตอบมาให้คุณแล้ว!

ทำความรู้จักรถสามล้อไฟฟ้า ยานพาหนะที่ดีที่สุดสำหรับผู้สูงอายุ

“รถสามล้อไฟฟ้า” คือ รถที่มีการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เป็นหลัก ทำให้ไม่ต้องผ่านการสันดาปกันของเครื่องยนต์ โดยรถประเภทนี้ถูกผลิตขึ้นมาให้มีจำนวนล้อรถทั้งสิ้นอยู่ที่ 3 ล้อ ซึ่งการมีจำนวนล้ออยู่ที่ 3 ล้อนั้นส่งผลให้มันเป็นรถที่ตอบโจทย์ผู้สูงอายุ ดังนี้

1. ความเร็วที่เหมาะสมกับสายตา

รถสามล้อไฟฟ้าส่วนใหญ่นั้นถูกออกแบบมาให้มีความเร็วที่ไม่สูง ทำให้รถสามล้อไฟฟ้ากลายเป็นอะไรที่ค่อนข้างตอบโจทย์กับการขับขี่ยานยนต์ของผู้สูงอายุสุด ๆ เนื่องจากผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาเรื่องสายตา กล่าวคือ ความสามารถในการมองเห็นของผู้สูงอายุลดลง 

จากที่เมื่อก่อนสามารถมองเห็นได้ปกติ พออายุเพิ่มมากขึ้นถ้าผู้สูงอายุขับรถเร็วเกินไปยิ่งส่งผลเสียเข้าไปใหญ่ เนื่องจากการขับรถเร็วจะทำให้มองไม่เห็นด้านข้าง เกิด “วิสัยทัศน์อุโมงค์” ที่ทำให้การมองเห็นแคบลง ท้ายที่สุดก็มองไม่เห็นอันตรายจากด้านข้าง เมื่อเกิดเหตุการณ์กระชั้นชิดขึ้นจนเหยียบเบรกไม่ทัน ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คืออุบัติเหตุที่ร้ายแรงจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

2. ขับขี่ได้อย่างมั่นคง

ขึ้นชื่อว่ารถสามล้อไฟฟ้า แน่นอนอยู่แล้วว่าจะต้องมีล้อที่ใช้ขับเคลื่อนบนถนนทั้ง 3 ล้ออย่างแน่นอน! เมื่อยานพาหนะที่ใช้ขับขี่มีถึง 3 ล้อ ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือตัวรถมีความมั่นคง ผู้ขับไม่จำเป็นต้องรักษาสมดุลในการขับขี่มากนัก เพียงบิดแฮนด์รถเพื่อเร่งความเร็ว และเบรกเมื่อต้องการหยุดรถเท่านั้น หมดกังวลได้เลยว่ารถสามล้อไฟฟ้าของคุณจะล้ม เพราะล้อหลังมีศูนย์ถ่วงให้รถของคุณถึง 2 ล้อเลยนั่นเอง!

3. ชะลอการป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม

นายแพทย์สันต์ ใจยอดศิลป์ คอลัมนิสต์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจหลอดเลือดและทรวงอก อดีตผู้บริหารโรงพยาบาลพญาไท 2 ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การที่ผู้สูงอายุขับขี่บ่อย ๆ นั้นเป็นเรื่องที่ดี เพราะการขับรถทำให้ผู้สูงอายุได้ใช้สมาธิ ใช้ความจำ ทำให้สมองมีการใช้งานอยู่ตลอด

4. ลดความเสี่ยงโรคซึมเศร้า

การขับรถด้วยความเร็วที่เหมาะสมด้วยรถสามล้อไฟฟ้า นอกจากจะปลอดภัย ชะลอการป่วยโรคสมองเสื่อมแล้ว อีกหนึ่งผลพลอยได้ที่ตามมาก็คือ การลดความเสี่ยงจากโรคซึมเศร้า เพราะการออกไปพบเจอผู้คนอย่างไรก็ส่งผลดีต่อจิตใจมากกว่าการนั่งเฉาที่บ้านเฉย ๆ อยู่แล้ว 

และนี่ก็คือสาระดี ๆ ที่ H SEM นำมาฝากคุณผู้อ่านในวันนี้ งานนี้ใครที่ไม่อยากให้ผู้สูงอายุที่บ้านขับขี่ยานพาหนะแต่ก็ไม่อยากขัดใจผู้สูงอายุที่เคารพรัก ลองเดินกันคนละครึ่งทางด้วยการเปลี่ยนมาให้ผู้สูงอายุใช้รถสามล้อไฟฟ้าแทนก็ดูจะเป็นคำตอบที่ดีไม่น้อยเลยนะ 

เอช-เซม1

รถสามล้อไฟฟ้า ตัวช่วยในการฝึกขับรถมอเตอร์ไซค์ที่ดีที่สุด

เชื่อเหลือเกินว่าเด็กทุกคนนั้นมีความฝันว่าสักวันหนึ่งจะมีใบขับขี่เป็นของตนเอง สามารถขับรถมอเตอร์ไซค์ได้คล่อง ๆ และขับไปไหนมาไหนได้อิสระ แต่กว่าที่ผู้เริ่มขับขี่รถมอเตอร์ไซค์หน้าใหม่จะขับขี่ได้อย่างชินมือนั้นเชื่อเหลือเกินว่าจะต้องผ่านการฝึกขับรถอย่างแน่นอน บางคนเป็นคนเรียนรู้ไว มีความสามารถในการทรงตัวดี ก็อาจจะฝึกขับรถกับรถมอเตอร์ไซค์ 2 ล้อได้

แต่ในบางคนที่มีปัญหา และไม่มั่นใจในการขับรถมอเตอร์ไซค์ 2 ล้อ การฝึกขับรถด้วยรถสามล้อไฟฟ้านี่ล่ะคือคำตอบที่ดีที่สุด สงสัยกันใช่หรือไม่ว่ารถสามล้อไฟฟ้าจะช่วยอะไรในการฝึกขับรถ งานนี้ใครที่กำลังสงสัยอยู่เราหาคำตอบมาให้คุณแล้ว!

เหตุผลที่ทำให้ รถสามล้อไฟฟ้า ตอบโจทย์คนฝึกขับมอเตอร์ไซค์

1. เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องการทรงตัว

สำหรับเรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ เนื่องจากในผู้ที่ฝึกขับรถมอเตอร์เตอร์ไซค์ 2 ล้อนั้นหลายคนมีปัญหาเรื่องการทรงตัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่รู้ว่าจะทรงตัวอย่างไร หากอยู่ ๆ ไปลองขับรถมอเตอร์ไซค์ 2 ล้อเลยก็อาจเกิดความไม่มั่นใจขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นอุปสรรคอย่างมากในการฝึกขับรถมอเตอร์ไซค์ เพราะความไม่มั่นใจนี่ล่ะที่ทำให้ผู้ฝึกไม่กล้าจับรถ ไม่กล้าขับขี่ เพราะกลัวลดล้ม

2. ความเร็วที่ไม่มากเกินไปสำหรับคนฝึกขับรถ

เนื่องจากรถสามล้อไฟฟ้าส่วนใหญ่นั้นมีความเร็วสูงสุดที่ 45 กม. ต่อชม. ซึ่งเป็นความเร็วที่ถือได้ว่ายังไม่เกินกว่าที่กฎหมายสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ 2 ล้อกำหนดไว้ ซึ่งค่อนข้างเหมาะมากสำหรับคนที่กำลังฝึกรถแล้วกลัวตัวเองควบคุมรถไม่ได้ จากที่จะเบรกกลายเป็นบิดคันเร่งแทน

3. เหมาะสำหรับคนที่ขี้ตกใจ

สำหรับเรื่องนี้เราขอบอกเลยว่าอันตรายเป็นอย่างมากสำหรับคนที่ฝึกขับรถแล้วเป็นคนขี้ตกใจ เพราะนอกจากจะทำให้มีปัญหาในการฝึกแล้ว ยังทำให้อัตราการเกิดอุบัติเหตุมีมากกว่าคนทั่วไปที่ฝึกขับรถมอเตอร์ไซค์ 2 ล้ออีกด้วย ซึ่งการฝึกขับรถมอเตอร์ไซค์เบื้องต้นด้วยรถสามล้อไฟฟ้านี่ล่ะคือคำตอบที่ดีที่สุด เพื่อที่จะได้เตรียมพร้อมให้ร่างกายเกิดความเคยชินกับการขี่รถก่อนเปลี่ยนไปจับรถมอเตอร์ไซค์ 2 ล้อของจริง

4. ลดโอกาสการบาดเจ็บจากรถล้ม

หากเป็นรถมอเตอร์ไซค์ 2 ล้อแบบปกติ เชื่อเหลือเกินว่าในการฝึกขี่นั้นโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์รถล้มคงจะมีมากมายอย่างแน่นอน! กลับกันถ้าหากว่าคุณฝึกขี่ด้วยรถสามล้อไฟฟ้าแล้วละก็ปัญหาการเกิดอุบัติเหตุรถล้มคงแทบจะไม่มี หรือมีน้อยมาก เนื่องจากรถสามล้อไฟฟ้ามีล้อหลังเป็น 2 ล้อทำให้คอยซัพพอร์ทศูนย์ถ่วงด้านหลังได้เป็นอย่างดี

และนี่ก็คือสาระดี ๆ ที่ H SEM MOTOR นำมาฝากคุณผู้อ่านในวันนี้ หลังจากที่อ่านบทความนี้จบแล้วพบว่าที่บ้านมีรถสามล้อไฟฟ้าอยู่ลองนำรถสามล้อไฟฟ้ามาให้บุตรหลานของคุณลองขี่ก่อนที่จะเริ่มฝึกขี่มอเตอร์ไซค์ 2 ล้อจริงดูได้ เพื่อให้ร่างกายเกิดความเคยชิน

เอช-เซม

เอช เซม ร่วมฝ่าวิกฤติ COVID-19 มอบส่วนลดช่วยผู้ประกอบการ

จากสถานการณ์ปัจจุบัน บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถกอล์ฟไฟฟ้า รถสามล้อไฟฟ้า และรถสามล้อเครื่องยนต์เอนกประสงค์ภายใต้แบรนด์ “H SEM” ขอมีส่วนให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ ด้วยการมอบส่วนลดรถสามล้อไฟฟ้าและรถสามล้อเครื่องยนต์สูงสุด 30,000 บาท และสามารถผ่อนชำระได้นานถึง 2 ปี

หลังจากที่ก่อนหน้านี้แบรนด์ H SEM ได้รีแบรนด์ภาพลักษณ์องค์กรและสินค้า พร้อมเปิดตัวโลโก้ใหม่เพื่อให้เห็นถึงลักษณ์ที่ชัดเจนและจดจำง่ายล่าสุดจัดกลยุทธ์การตลาดเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการให้ตัดสินใจซื้อง่าย

โดยนายวันชัย ลี้นะวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์วิกฤติ COVID-19 ในปัจจุบันทำให้บริษัทฯตัดสินใจช่วยผู้ประกอบการที่ต้องการมองหาเครื่องมือทำมาหากิน ด้วยการมอบส่วนลดกับรถสามล้อไฟฟ้าและรถสามล้อเครื่องยนต์สูงสุด 30,000 บาท และสามารถผ่อนชำระได้นานถึง 2 ปี โดยมีรายละเอียดดังนี้

ถสามล้อไฟฟ้า

รุ่น ราคาปกติ ส่วนลด ราคาถึงลูกค้า
TL 1 45,000 9,000 36,000
TL 2 49,000 9,000 40,000
MJ 800 45,000 5,500 39,500
Candy Box 45,000 9,000 36,000

รถสามล้อเครื่องยนต์

รุ่น ราคาปกติ ส่วนลด ราคาถึงลูกค้า
175 SP 85,000 30,000 55,000
200 SP 110,000 30,000 80,000

นอกจากได้รับส่วนลด สามารถผ่อนได้นานแล้ว ลูกค้ายังได้รับสิทธิ์ลุ้นเป็นเจ้าของ Apple IPhone 11 Pro Max (64GB) มูลค่าเกือบสี่หมื่นบาท ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 30 มิถุนายน 2563 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนลูกค้าสัมพันธ์ โทร.099-001-1888 หรือ www.facebook.com/hsemmotor.sev  และ www.facebook.com/hsemmotor.stc

รถสามล้อเครื่องยนต์

รถสามล้อเครื่องยนต์ กับประโยชน์ที่มากกว่าการบรรทุก

หลายคนเมื่อพูดถึง รถสามล้อเครื่องยนต์ มักจะนึกถึงความสามารถในการบรรทุกของรถประเภทนี้ เนื่องจาก รถสามล้อเครื่องยนต์มักจะมาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ที่สื่อให้เห็นถึงความแข็งแรง คงทน ทนทานทุกการใช้งานนั่นเอง จริงอยู่ที่รถสามล้อเครื่องยนต์ที่เราเห็นกันจนคุ้นตานั้นมีความสามารถในการบรรทุกเป็นที่สุด

แต่คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าแท้จริงแล้ว รถสามล้อเครื่องยนต์สามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ด้านอื่น ๆ อีกมากมายเลยนะ งานนี้จะมีประโยชน์อะไรบ้างที่รถสามล้อเครื่องยนต์ช่วยคุณได้ เราหาคำตอบมาให้คุณแล้ว

ทำความรู้จัก รถสามล้อเครื่องยนต์ ก่อนพูดถึงประโยชน์ด้านอื่น ๆ

ก่อนที่เราจะพูดถึงประโยชน์ที่รถสามล้อเครื่องยนต์สามารถช่วยเราได้นั้น H SEM ขออนุญาตพูดถึงรถสามล้อเครื่องยนต์คร่าว ๆ สักหน่อย เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน

รถสามล้อเครื่องยนต์ มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า รถสามล้อบรรทุกอเนกประสงค์ ซึ่งรถประเภทนี้ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์งานขนส่ง งานบรรทุก และการเกษตรกรเป็นหลัก โดยรถประเภทนี้มักจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นพลังงานในการขับเคลื่อนเป็นหลัก และพ่วงด้วยกระบะด้านหลัง เมื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับรถสามล้อเครื่องยนต์กันไปแล้ว ก็มาสู่คำถามที่หลายคนสงสัย นั่นก็คือประโยชน์ของรถสามล้อเครื่องยนต์ งานนี้จะมีอะไรบ้าง เลื่อนลงไปอ่านกันได้เลย!

1. รถสามล้อเครื่องยนต์ตัวช่วยงานขนส่ง

นอกจากรถสามล้อเครื่องยนต์จะมีส่วนช่วยในการบรรทุกแล้ว ด้านการขนส่งเองรถสามล้อเครื่องยนต์ก็มีส่วนช่วยในงานขนส่งด้วยเหมือนกันนะ ด้วยโครงสร้างที่แข็งแรงทนทานต่อการใช้งาน พร้อมกับกระบะพ่วงด้านหลัง ทำให้ตอบโจทย์ด้านงานขนส่งแบบสุด ๆ 

2. รถสามล้อเครื่องยนต์ตัวช่วยธุรกิจร้านอาหารข้างทาง

เนื่องจากรถสามล้อเครื่องยนต์มีโครงสร้างที่แข็งแรง ทนทาน ทำให้การต่อเติมส่วนอื่น ๆ ของรถเพื่อการประกอบธุรกิจจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร ยกตัวอย่างเช่น คุณสนใจที่จะทำธุรกิจร้านยำข้างทางแบบง่าย ๆ ไม่ต้องเปิดเป็นร้านใหญ่อะไร รถสามล้อเครื่องยนต์คือคำตอบที่ดีที่สุด เพียงแค่คุณต่อเติมหลังคา และเคาน์เตอร์ร้าน เพียงเท่านี้ก็จะได้รถสามล้อเครื่องยนต์เพื่อการประกอบอาชีพแล้ว!

3. รถสามล้อเครื่องยนต์ตัวช่วยกิจการในอุตสาหกรรม

หลายคนเมื่อนึกถึงรถสามล้อเครื่องยนต์ มักที่จะนึกถึงการบรรทุกระดับใหญ่โตมโหฬาร แต่คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าในกิจการบรรทุกระดับย่อมอย่างงานขนส่งเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นอย่างการขนส่งในโรงงานอุตสาหกรรมนั้นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่รถสามล้อเครื่องยนต์มีส่วนช่วยในการทำงานเช่นกันนะ 

ด้วยการใช้รถสามล้อเครื่องยนต์ที่มีความสามารถในการบรรทุกสูง ไม่ว่าคุณจะต้องการขนส่ง หรือบรรทุกอะไร รถสามล้อเครื่องยนต์ก็ตอบสนองความต้องการของคุณได้ เนื่องจากรถสามล้อเครื่องยนต์ของ H SEM มีความสามารถในการบรรทุกที่หลากหลาย

และนี่ก็คือสาระดี ๆ ที่ H SEM นำมาฝากคุณผู้อ่านในวันนี้ ในโอกาสหน้าเราก็หวังเหลือเกินว่าเมื่อคุณผู้อ่านนึกถึงรถสามล้อเครื่องยนต์ จะนึกถึงประโยชน์ที่มากมาย หลากหลายยิ่งขึ้นกว่าเดิมนะ เชื่อเราเถอะว่ารถสามล้อเครื่องยนต์เป็นได้มากกว่าการใช้งานเพื่อบรรทุกแน่นอน!

รถชมวิวไฟฟ้า

รถชมวิวไฟฟ้า ดีต่อสัตว์ในสวนสัตว์มากกว่าที่คิด จริงเหรอ?

เมื่อพูดถึง รถชมวิวไฟฟ้า H SEM เชื่อเหลือเกินว่าหลายคนมักจะคิดถึงนวัตกรรมยานยนต์พลังงานสะอาดที่ไม่ปล่อยมลพิษร้ายอย่างฝุ่น PM 2.5 หรือ ควันเสียทำลายชั้นบรรยากาศโลก แต่คุณผู้อ่านเชื่อหรือไม่ว่านอกจากรถชมวิวแบบไฟฟ้า นวัตกรรมยานยนต์ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อธุรกิจนำเที่ยวนี้

นอกจากจะส่งผลดีต่อชั้นบรรยากาศโลก ดีต่อสุขภาพของคุณแล้ว มันยังส่งผลดีต่อสุขภาพของสัตว์ในสวนสัตว์อีกด้วยนะ งานนี้จะมีข้อดีอะไรบ้าง H SEM หาคำตอบมาให้คุณแล้ว! เลื่อนลงไปอ่านที่ด้านล่างนี้ได้เลย!

ตอบคำถามที่หลายคนสงสัย รถชมวิวไฟฟ้า ดีต่อสุขภาพสัตว์ในสวนสัตว์จริงเหรอ?

ก่อนที่เราจะไปพูดถึงคำถามที่หลายคนสงสัยกันว่า สรุปแล้ว รถชมวิวไฟฟ้านั้นดีต่อสุขภาพสัตว์ในสวนสัตว์จริงเหรือไม่นั้น H SEM ขอพูดถึงรถชมวิวไฟฟ้าสักหน่อยเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน! 

รถชมวิวแบบไฟฟ้า หมายถึง รถโดยสารหลายที่นั่ง ซึ่งมีตั้งแต่จำนวน 5 ที่นั่ง ไปจนถึง 23 ที่นั่ง ตัวรถมีลักษณะเปิดโล่ง ไร้หน้าต่าง ทำให้ผู้โดยสารสามารถรับลมและชมทิวทัศน์ด้านข้างได้อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับแดดและฝน เพราะรถชมวิวไฟฟ้ามาพร้อมกับหลังคานั่นเอง นั่นจึงทำให้รถชมวิวไฟฟ้าถูกนำไปใช้ในอุทยาน รีสอร์ท สวนสัตว์ สวนสนุก และสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ

เมื่อเราได้อธิบายเกี่ยวกับรถชมวิวไฟฟ้ากันไปแล้วก็มาสู่คำถามที่หลายคนสงสัยสักหน่อย นั่นก็คือ รถชมวิวไฟฟ้าดีต่อสุขภาพสัตว์ในสวนสัตว์จริงเหรอ? เราขอบอกเลยว่าเป็นเรื่องจริง หากเปรียบเทียบให้เห็นยกตัวอย่างเช่น ช้างป่า ซึ่งป็นสัตว์ที่ไม่ชอบเสียงดัง เนื่องจากใบหูขนาดใหญ่ของช้างสามารถได้ยินเสียงที่มีถี่ต่ำ ๆ ได้ดี นั่นจึงทำให้มันไวต่อเสียงรถยนต์ หรือยานยนต์ที่มีเสียงดัง

ซึ่งผลที่ตามมาทำให้ช้างเกิดความเครียด เมื่อเครียดมาก ๆ เข้าก็ส่งผลต่อสุขภาพจิตในที่สุด นั่นจึงทำให้รถชมวิวแบบไฟฟ้ากลายเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับการเที่ยวชมสัตว์ในสวนสัตว์โดยที่ไม่รบกวนสัตว์ ดังนี้

1. รถชมวิวไฟฟ้า ยานยนต์ทำงานที่ไร้เสียง

หากเป็นรถชมวิวแบบใช้น้ำมันทั่วไป เชื่อเหลือเกินว่าจะต้องมีเสียงการทำงานของยานยนต์อย่างแน่นอน เนื่องจากรถประเภทนี้ในการขับเคลื่อนรถแต่ละครั้งจะต้องใช้การสันดาปของเครื่องยนต์เพื่อให้เกิดแรงขับเคลื่อน เกิดเป็นเสียงเครื่องยนต์ทำงานจนรบกวนสัตว์ในสวนสัตว์ กลับกันหากเป็นรถชมวิวไฟฟ้าแล้วละก็เราขอบอกเลยว่าแทบจะไม่มีเสียงการทำงานของยานยนต์เล็ดลอดออกมา 

2. รถชมวิวไฟฟ้าไร้เสียงรบกวน ส่งผลให้สัตว์สุขภาพจิตดี

จิตใจของสัตว์ก็เหมือนกับมนุษย์ หากมนุษย์เรามีอะไรมารบกวนจิตใจมาก ๆ เข้าจนจิตใจไม่สงบ ย่อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต ทำให้เกิดความเครียดได้ จิตใจของสัตว์ก็เช่นกัน หากมีเสียงหนวกหูน่ารำคาญให้ได้ยินอยู่บ่อย ๆ  เชื่อเหลือเกินว่าสัตว์ก็ต้องรู้สึกเช่นเดียวกับคนเหมือนกัน

3. เมื่อสุขภาพจิตดี สุขภาพกายก็จะดีตาม

สำหรับหลักการนี้สามารถใช้ได้กับทุกสิ่งมีชีวิตเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ โดยจากการศึกษาเรื่องความเครียดและมะเร็งในหลาย ๆ สถาบันทางการแพทย์ พบว่า ความเครียดเรื้อรังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอลง ซึ่งอาจส่งผลต่อการเกิดมะเร็งที่มีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัส อย่าง Kaposi sarcoma และ lymphoma บางชนิด 

ทั้งการศึกษาในสัตว์ยังพบว่า ฮอร์โมนที่ถูกปล่อยออกมาในกระแสเลือดจากการกระตุ้นของระบบประสาท มีผลรบกวนกระบวนการของเซลล์ในการป้องกันการเกิดมะเร็งอีกด้วย นั่นจึงทำให้ยืนยันได้ว่าการที่สัตว์สุขภาพจิตดีทำให้สุขภาพกายดีตาม

และนี่ก็คือสาระดี ๆ ที่ H SEM นำมาฝากคุณผู้อ่านในวันนี้ เชื่อเถอะว่ารถชมวิวแบบไฟฟ้าเนี่ยล่ะคือคำตอบที่ดีที่สุดในการประกอบธุรกิจท่องเที่ยวของคุณอย่างธุรกิจสวนสัตว์

ท่อพ่นยาแก้หอบ

H SEM MOTOR ทำท่อพ่นยาแก้หอบให้กับโรงพยาบาลบางปะหัน

เจ้าหน้าที่และพนักงาน บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด ร่วมทำอุปกรณ์การแพทย์ ท่อช่วยพ่นยาแก้หอบ (Spacer) ให้กับโรงพยาบาลบางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อใช้สำหรับผู้ป่วยและลดการแพร่กระจายของเชื้อ

โควิด

เอช เซม มอเตอร์ ส่งกลยุทธ์ 3C รับมือการระบาดของโควิด-19

วิกฤติโควิด-19 เอช เซม ช่วยลูกค้าพักชำระหนี้ มอบกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 ให้พนักงานกว่า 300 คน พร้อมให้ความร่วมมือภาครัฐมอบสิ่งของที่จำเป็น ภายใต้กลยุทธ์ 3 C (Company Customer CSR) ดูแล ใส่ใจรอบด้าน ทั้งบริษัท ลูกค้า และ สังคมส่วนรวม

“บริษัทฯ ปรับแผนธุรกิจ รองรับกับสถานการณ์ในปัจจุบันด้วย “กลยุทธ์ 3 C”

นายวันชัย ลี้นะวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถกอล์ฟไฟฟ้า รถสามล้อไฟฟ้า และรถสามล้อเครื่องยนต์เอนกประสงค์ เปิดเผยว่า “บริษัทฯ ปรับแผนธุรกิจ รองรับกับสถานการณ์ในปัจจุบันด้วย “กลยุทธ์ 3 C” (Company Customer CSR) เป็นมาตรการที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการให้ความช่วยเหลือลูกค้า การดูแลพนักงาน และการช่วยเหลือสังคมส่วนรวม

ในส่วนของบริษัทฯ (Company) เรามอบกรมธรรม์ประกันภัยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ให้กับพนักงานจำนวน 320 คน เป็นระยะเวลา 1 ปี มูลค่าเบี้ยประกันรวม 256,000 บาท เพื่อความอุ่นใจและได้รับความคุ้มครองในยามวิกฤต

นอกจากนั้น มีการตรวจวัดอุณหภูมิพนักงานทุกคนก่อนเข้าทำงาน จำกัดจำนวนและระยะห่างในการประชุม ปิดแอร์และเปิดประตู-หน้าต่าง ทุกบานเป็นเวลา 1 ชั่วโมง เพื่อถ่ายเทอากาศในช่วงเวลาพักเที่ยง พนักงานทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และไม่ให้พนักงานออกไปรับประทานอาหารนอกบริษัทฯ เป็นต้น

ด้านลูกค้า (Customer) บริษัทมีมาตรการพักชำระค่าเช่าสินค้า ทั้งแบบเช่าซื้อ เช่าดำเนินงาน และเช่ารายเดือน เพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ที่หน่วยงานบริหารจังหวัดนั้น ๆ มีมาตรการปิดกิจการในสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนงานบริการหลังการขายและการขนสินค้านั้น เราใส่ใจ ดูแลและเข้มงวดการทำความสะอาด การฆ่าเชื้อของพนักงานผู้ให้บริการและสินค้าที่ส่งมอบในทุกขั้นตอน

สำหรับความช่วยเหลือสังคม (CSR) ในเบื้องต้นบริษัทฯ ได้ส่งมอบหน้ากากอนามัยจำนวนมากกว่า 5,000 ชิ้น ให้กับหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้หน่วยงานในท้องถิ่นไปแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป” นายวันชัย กล่าวทิ้งท้าย

เกี่ยวกับ H SEM MOTOR

บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด คือ บริษัทในเครือของ ฮั้วเฮงหลี กรุ๊ป บริษัทที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับธุรกิจทางด้านเครื่องจักรกลทางการเกษตร ธุรกิจทางด้านยานยนต์และกลุ่มรถพลังงานไฟฟ้ามามากกว่า 40 ปี โดยบริษัทฯ ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2559

“นายวันชัย ลี้นะวัฒนา” ผู้บริหารบริษัทฯ ได้ดำเนินการต่อยอดทางธุรกิจ ด้วยการผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภท รถกอล์ฟไฟฟ้า รถชมวิวไฟฟ้า รถมอเตอร์ไซค์สามล้อไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ SEV และรถสามล้อบรรทุกแบบเครื่องยนต์ ภายใต้แบรนด์ STC พร้อมด้วยการบริการหลังการขาย โดยช่างและผู้ชำนาญการที่ได้มาตรฐานและครบวงจร

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะยกระดับฝีมือคนไทย รวมทั้งมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ และไม่หยุดนิ่งที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าในการพัฒนาการบริการ และการดูแลลูกค้าทุกท่านอย่างดีที่สุดด้วยใจ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hsemmotor.com

อบรมโควิด

เอช เซม อบรมพนักงาน มาตรการป้องกัน โควิด-19

ด้วยความห่วงใยในสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไสรัสโควิด-19 ทางอำเภอบางปะหัน นำทีมโดยคุณเดชาธร เชาว์เลขา นายอำเภอ และทีมแพทย์ พยาบาลจากโรงพยาบาลบางปะหันและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลตานิม จ.พระนครศรีอยุธยา มอบความรู้และแนวทางป้องกันไวรัสโควิด-19 ให้กับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่พนักงานบริษัท เอช เซม มอเตอร์ พร้อมทั้งบริษัทในเครือ

โควิด-19

5 เทรนด์ธุรกิจที่จะเติบโตท่ามกลาง โควิด-19

ในช่วงที่ธุรกิจโลกส่วนใหญ่กำลังเผชิญกับมรสุมพิษเศรษฐกิจอย่างหนักจากวิกฤติ โควิด-19 จนผู้นำหลายประเทศต้องออกมาตรการมากมายเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในประเทศตนเอง เชื่อหรือไม่ว่าขณะที่ธุรกิจภาคอื่น ๆ กำลังย่ำแย่ กลับมีธุรกิจบางประเภทที่เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาลง งานนี้จะมีเทรนด์ธุรกิจอะไรบ้าง H SEM หาคำตอบมาให้คุณผู้อ่านแล้ว!

เศรษฐกิจซบเซา แต่การใช้จ่ายของผู้บริโภคไม่เคยลดลง!

จริงอยู่ที่ในภาพรวมของเศรษฐกิจโลกนั้นค่อนข้างซบเซา แต่เมื่อคุณลองปรับมุมมองให้แคบลงโดยใช้มุมมองการใช้จ่ายในแต่ละวันของตนเองแล้ว คุณจะพบว่ารายจ่ายทุกอย่างของคุณยังคงเหมือนเดิม เผลอ ๆ อาจจะมีรายจ่ายอย่างอื่นเพิ่มขึ้น ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากมนุษย์เรายังต้องใช้หลักปัจจัย 4 อยู่ นั่นก็คือ อาหาร, ที่อยู่, ยารักษาโรค และเครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น

ซึ่งเมื่อเทียบปัจจัย 4 ข้อนี้ตามความจำเป็นแล้วคุณก็จะพบว่า หนึ่งในปัจจัยที่คุณหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ อาหาร เนื่องจากมันคือปัจจัยหลัก ๆ ที่คุณต้องใช้ในการดำรงชีวิตมากที่สุด โดยสภาพัฒน์ ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า การอุปโภคบริโภคของคนไทยไม่ได้น้อยลงเลย ซึ่งในช่วงไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2019 การบริโภคสูงขึ้นอยู่ที่ 1.42 ล้านบาท เทียบกับช่วงไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2019 อยู่ที่ 1.40 ล้านบาท 

สอดคล้องกับทาง เอ็นไวโร (ไทยแลนด์) บริษัทวิจัยชั้นนำระดับโลก ที่ออกมาให้ข้อมูลโดยคุณสรินพร จิวานันต์ กรรมการผู้จัดการ เอ็นไวโร ประเทศไทยว่า 

วิถีการกินการใช้ของผู้บริโภคเปลี่ยนไปตามกระแส ซึ่งความน่าสนใจอยู่ตรงที่ “การเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นใหม่ทุกปี” ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ไม่ดีจนเป็นเหตุทำให้หลายธุรกิจต้องปิดตัวลง แต่หากเราสังเกตกันสักนิด จะเห็นว่ามีธุรกิจบริการ start up ผุดขึ้นใหม่เพียบ ทั้งยังมีแววเฉิดฉายจะเป็นเฒ่าแก่น้อยหน้าใหม่จำนวนมากทีเดียว

ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากความเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค และสามารถปรับตัวได้ทันตามความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งกลุ่มนักธุรกิจหน้าใหม่อายุน้อยทั้งหลายนี้มักเริ่มต้นธุรกิจด้วยการสร้างตนเองขึ้นจากการเป็น start up เนื่องจากขนาดธุรกิจที่เล็กกว่าตลาดเจ้าใหญ่ ๆ ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนแนวทาง หรือกลยุทธ์ต่าง ๆ ได้ง่าย 

5 เทรนด์ธุรกิจเติบโตท่ามกลาง โควิด-19

จริงอยู่ที่ในช่วงภาวะวิกฤติโควิด-19 ทั่วทุกมุมโลกนั้นทำให้เศรษฐกิจซบเซา บางแห่งต้องปิดบริษัทชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการติดเชื้อ แต่คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าในช่วงเวลาที่วิกฤติแบบนี้กลับมีบางเทรนด์ธุรกิจที่ยังไปต่อได้นะ งานนี้จะมีเทรนด์ธุรกิจอะไรบ้างที่น่าสนใจ เลื่อนลงไปอ่านได้ที่ด้านล่างนี้เลย!

1. ธุรกิจเดลิเวอรี่

สำหรับเทรนด์ธุรกิจนี้เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่ตอบโจทย์สุด ๆ ในสภาวะแบบนี้ที่ผู้คนต้องกักตัวอยู่แต่ในบ้านเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 จริงอยู่ที่ธุรกิจนี้ค่อนข้างเติบโตได้ดีในช่วงวิกฤติ โควิด-19 แต่คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าก่อนที่จะเกิดวิกฤติโควิด-19 ธุรกิจเดลิเวอรี่ก็มีการเติบโตค่อนข้างสูงอยู่แล้ว จากข้อมูลในปีที่ผ่านมา พบว่า ธุรกิจเดลิเวอรี่มีมูลค่าสูงถึง 3.5 หมื่นล้านบาท 

2. ธุรกิจสำหรับกลุ่มคนรักษ์สุขภาพ

โดยธุรกิจนี้เกิดขึ้นจากค่านิยมแบบใหม่ที่ทำให้ผู้คนหันมาสนใจการดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอาหารคลีน เทรนเนอร์ออนไลน์ และนักพัฒนาแอปพลิเคชั่น ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนสภาพอากาศในแต่ละวัน, การแจ้งเตือนสุขภาพในแต่ละวัน และการแจ้งเตือนพื้นที่ระบาดของโรคอย่าง 5Lab นั่นจึงเป็นคำตอบที่ทำให้เทรนด์การตลาดอย่าง Health Focus น่าสนใจในปี 2020 และยังคงไปต่อได้ในช่วงที่เกิดภาวะวิกฤติโควิด-19 

3. ธุรกิจสำหรับกลุ่มคนต้องการพลังงานบวก

สำหรับธุรกิจนี้เรียกได้ว่ามีจุดเริ่มต้นมาจากสุขภาพทางจิตใจเลยก็ว่าได้ โดยข้อมูลจาก Barnes & Noble ชี้ว่า

หนังสือเกี่ยวกับ Mental health/self help ขายดีขึ้น และขายดีกว่าหนังสือยอดนิยมอย่างการดูแลตนเอง

เนื่องจากเป็นหนังสือคลายเครียด คิดบวก พลังบวก ยิ่งในภาวะที่ผู้คนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดอย่าง โควิด-19 หนังสือเสริมสร้างสุขภาพจิตเชิงบวกจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในตอนนี้

4. ธุรกิจสำหรับกลุ่ม Vegan

สำหรับธุรกิจประเภทนี้นั้นเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มธุรกิจที่เกิดขึ้นในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ใฝ่หาการรักษ์โลก อาจเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มที่ต้องการใช้ชีวิตแบบ minimalist เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ไม่ติดหรู แต่ยอมจ่ายแพงกับสินค้าที่ดีต่อตัวเองและดีต่อโลก และเหตุผลที่เทรนด์ธุรกิจนี้น่าสนใจในช่วงภาวะวิกฤติ โควิด-19 ระบาด นั่นก็คือ หน้ากากผ้าเพื่อการป้องกันเชื้อโรคนั่นเอง เนื่องจากเกิดภาวะหน้ากากอนามัยขาดตลาด หน้ากากผ้าจากเส้นใยธรรมชาติอย่างผ้าสาลู ผ้าฝ้าย และผ้ามัสลิน กลายเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เนื่องจากสามารถกรองโมเลกุลที่มีขนาดเล็กในอากาศได้

5. ธุรกิจบันเทิงออนไลน์

เพราะในปัจจุบันผู้คนมีทางเลือกในการเสพสื่อต่าง ๆ มากขึ้น และสื่อบันเทิงออนไลน์ นั่นจึงทำให้เกิดแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อการบันเทิงอย่าง Netflix, Viu และ Linetv ขึ้น ซึ่งค่อนข้างได้ผลตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก และได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นไปอีกเมื่อเกิดภาวะวิกฤติโควิด-19  

และนี่ก็คือ 5 เทรนด์ธุรกิจที่ H SEM รวบรวมข้อมูลมาแล้วว่าสามารถเติบโตได้ในภาวะวิกฤติแบบนี้ ก็ได้แต่หวังว่าพวกเราจะสามารถผ่านวิกฤตินี้ไปได้โดยเร็วไว และปลอดภัยจากการติดเชื้อร้ายนี้กัน

ฝังเข็ม

What! ฝังเข็ม เสี่ยงทำให้ปอดรั่วได้ จริงเหรอ?

เมื่อพูดถึงการ ฝังเข็ม H SEM เชื่อเหลือเกินว่าหลายคนคงจะเห็นวิธีการรักษาประเภทนี้อยู่บ่อย ๆ ในหนังจีนกำลังภายใน แต่เห็นในหนังบ่อย ๆ แบบนี้ เชื่อหรือไม่ว่าขั้นตอนการฝังเข็มไม่ได้ง่ายแบบที่เห็นกันนะ หากผู้ที่ทำการฝังเข็มไม่มีความเชี่ยวชาญมากพออาจเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตจนถึงขั้นที่ปอดรั่วได้งานนี้จะจริงหรือมั่ว เราหาคำตอบมาให้คุณแล้ว! 

ทำความรู้จักการ ฝังเข็ม ทางเลือกแห่งการรักษา

ฝังเข็ม (Acupuncture) คือ ศาสตร์การรักษาโรคและอาการต่าง ๆ ชนิดหนึ่งของจีนโบราณ ด้วยการนำเข็มที่มีขนาดบางมาก ๆ มาฝังลงไปตามจุดต่าง ๆ บนร่างกาย ตามความเชื่อในเรื่องของพลังชีวิตหรือพลังชี่ที่อยู่ในเส้นลมปราณ (Meridian Line) โดยในทางกายภาพหรือทางสรีระวิทยาแล้ว เส้นลมปราณ ที่กล่าวอ้างในวิธีการรักษา รวมไปถึงกลไกหรือวิธีการรักษานั้นยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยการแพทย์หรือวิทยาศาตร์สมัยใหม่ 

สำหรับขั้นตอนการฝังเข็มและแนวทางในการฝังเข็มนั้นมีดังต่อไปนี้

  • การพูดคุยเรื่องรายละเอียดในการฝังเข็ม

สำหรับการพูดคุยเรื่องรายละเอียดในการฝังเข็ม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์ด้านนี้จะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับจุดฝังเข็มเพื่อที่คุณจะได้ทราบรายละเอียดขั้นตอนการทำเบื้องต้น 

  • การเตรียมตัวสำหรับการฝังเข็ม

เมื่อคุณทราบถึงขั้นตอนการฝังเข็มเบื้องต้นแล้ว สถานีถัดไปก็คือการถอดเสื้อหรือเปลี่ยนชุดที่แพทย์เตรียมให้ในกรณีที่ชุดของผู้ป่วยไม่เอื้ออำนวยต่อการฝังเข็ม โดยแพทย์จะให้ผู้ป่วยนั่งในท่าที่เหมาะสมหรือนอนลงบนเตียง

  • ขั้นตอนการฝังเข็ม

โดยแพทย์จะนำเข็มที่มีลักษณะที่บางมาก ๆ และยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตรสอดลงไปที่กล้ามเนื้อ ในจุดฝังเข็มต่าง ๆ จำนวนตั้งแต่ 5-20 เล่ม ในระหว่างที่แพทย์กำลังสอดเข็มลงไปที่กล้ามเนื้อ อาจทำให้รู้สึกชาหรือปวดอ่อน ๆ เท่านั้น แต่ถ้ารู้สึกเจ็บมาก ๆ ควรรีบบอกแพทย์ทันที

  • การคงอยู่ของเข็ม

เมื่อทำการฝังเข็มเสร็จแล้วแพทย์จะใช้เวลาประมาณ 10-20 นาที ก่อนดึงเข็มออก ในขณะที่ผู้ป่วยนอนผ่อนคลายอยู่บนเตียง จะไม่รู้สึกเจ็บหรือปวดในระหว่างที่แพทย์กำลังดึงเข็มออก

และนี่ก็คือขั้นตอนการฝังเข็ม ภายหลังจากการฝังเข็มผู้ป่วยจะรู้สึกผ่อนคลาย กระชุ่มกระชวยมากขึ้น แต่ในบางรายอาจไม่ตอบสนองต่อการรักษา ไม่รู้สึกว่ากล้ามเนื้อมีความผ่อนคลายใด ๆ และหลังจากการเข้ารับการรักษาภายในช่วง 2-3 สัปดาห์ หากไม่พบอาการที่ดีขึ้น อาจแปลว่าคุณไม่เหมาะกับการรักษาด้วยวิธีฝังเข็ม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

ตอบคำถามที่หลายคนสงสัย การฝังเข็มเสี่ยงทำปอดรั่วได้!

หลังจากที่เราได้พูดการฝังเข็มกันไปบ้างแล้ว ก็มาสู่คำถามที่หลายคนสงสัย นั่นก็คือ “ฝังเข็ม” เสี่ยงทำให้คุณปอดรั่วได้! สำหรับคำถามนี้เบื้องต้นเราขอบอกเลยว่า “มีโอกาสสูงมาก”

โดยนพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าโรคระบบทางเดินหายใจและปอด โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้ออกมาให้ความรู้ในเพจ Facebook ว่า การฝังเข็ม ถ้าลึกเกินไปจะไปทิ่มแทงอวัยวะภายในจนทำให้ปอดรั่วได้ และเมื่อปอดรั่วแล้วในบางรายอาจเกิดการติดเชื้อได้ และอาจจะลามไปจนถึงการเกิดฝีหนองในทรวงอกซึ่งทำให้รักษายากขึ้นอีก ดังนั้นการฝังเข็มจึงควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และใช้เข็มที่ปลอดเชื้อ ใช้แล้วทิ้ง

โดยนพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าโรคระบบทางเดินหายใจและปอด โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ยังได้พูดเพิ่มเติมอีกว่า

“ปอดและถุงลมเราก็เหมือนลูกโป่ง เมื่อถูกเข็มทิ่มเข้าไปก็ทำให้เกิดการรั่วขึ้น ซึ่งโอกาสที่ปอดรั่วจากการฝังเข็มนั้นก็เกิดขึ้นได้ เพราะถัดจากผิวหนังเราลงไปก็เป็นปอดและอวัยวะภายในอื่นๆ แล้ว ซึ่งคนที่ทำการฝังเข็มต้องระมัดระวัง เพราะหากทิ่มลึกไปก็อาจทิ่มเข้าอวัยวะภายในอื่นๆ ได้ ซึ่งแต่ละคนจะต่างกัน หากเป็นคนอ้วนก็อาจจะลึกลงไปหลายเซนติเมตร แต่คนผอมก็ประมาณ 2 เซนติเมตรเท่านั้นก็ถึงปอดแล้ว” นพ.มนูญ กล่าว

นอกจากเรื่องการฝังเข็มแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องระวังก็คือคนหนุ่มสาวที่มีส่วนสูงที่ค่อนข้างมาก เนื่องจากในปัจจุบันพบผู้ป่วยวัยรุ่นตัวสูงเข้ามารับการรักษาอาการปอดรั่วกันมาก เนื่องจากพบว่ายอดปอดที่อยู่ใต้ไหปลาร้านั้นมีความอ่อนแอ มีถุงลมโป่งพองเล็กน้อยและรั่วได้บ่อย จากการออกกำลังกาย ยกของหนัก ๆ

ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวนั้นทำให้เกิดอาการรั่วบริเวณยอดปอด และเกิดอาการหายใจเหนื่อย ติดขัดขึ้นจนต้องมาโรงพยาบาล ซึ่งปีหนึ่งก็พบได้หลายราย แต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าต้นตอของเรืองนี้มันเกิดขึ้นจากที่ตรงไหน

และนี่ก็คือสาระดี ๆ ที่ H SEM นำมาฝากคุณผู้อ่านในวันนี้ เพราะการฝังเข็มนั้นค่อนข้างมีความเสี่ยง หากไม่ได้ทำการฝังเข็มกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางศาสตร์นี้โดยเฉพาะ ทางที่ดีเมื่อมีอาการปวดเมื่อยก่อนที่จะไปทำการฝังเข็มหรือทำการรักษาใด ๆ เราจึงอยากให้คุณปรึกษาแพทย์เสียก่อนเพื่อความปลอดภัยของคุณเอง

ธุรกิจ

7 เรื่องต้องรู้ของคู่รักก่อนทำ ธุรกิจ ร่วมกัน

เมื่อคุณมีความรักเวลาจะทำอะไรก็อยากมีกันและกันอยู่เสมอ ไม่เว้นแม้กระทั่งการทำ ธุรกิจ ร่วมกัน แต่ในการทำธุรกิจร่วมกันกับคนรักนั้นเป็นอะไรที่หินและท้าทายมาก เพราะมันอาจจะทำให้คุณต้องเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนคู่คิดกลายเป็นคนไม่รู้จักกันก็เป็นได้ ด้วยเหตุนี้ H SEM จึงไม่รอช้า ขอนำเสนอ 7 เรื่องต้องรู้ของคู่รักก่อนทำธุรกิจร่วมกัน งานนี้จะมีวิธีอะไรบ้าง เลื่อนไปอ่านได้ที่ข้างล่างเลย!

7 เรื่องต้องรู้ของคู่รักก่อนทำ ธุรกิจ ร่วมกัน

1. แยกบัญชีส่วนตัวกับบัญชีธุรกิจ 

เพราะเรื่องเงินคือประเด็นที่อ่อนไหว ไม่ว่าคุณจะมีความสัมพันธ์ที่สนิทชิดเชื้อกันอย่างไรก็ควรที่จะทำทุกอย่างให้มันชัดเจน เพื่อป้องกันการผิดใจกันทีหลัง เริ่มด้วยการแยกบัญชีส่วนตัวกับบัญชีธุรกิจออกจากกันเป็นอย่างแรก เพราะการไม่แยกบัญชีออกจากกันอาจนำมาซึ่งความสับสนและปัญหามากมายอย่างการหวาดระแวงว่าอีกฝ่ายจะทุจริต ทางที่ดีคุณจึงควรแยกบัญชีออกจากกันตั้งแต่แรก เพื่อที่ว่าคุณจะได้บริหารการเงินของกิจการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามมา

2. ทำ ธุรกิจ อย่านำคนอื่นมาเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์

หลายครั้งที่ปัญหาในการทำธุรกิจมาจากบุคคลที่ 3 และ 4 แน่นอนว่าในการทำธุรกิจของคู่รักก็คงหลีกหนีจากเรื่องนี้ไม่พ้น จะดีกว่าไหมหากขั้นตอนในการทำธุรกิจของคุณไม่มีบุคคลที่อื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะนอกจากกลุ่มคนเหล่านี้จะเข้ามาทำให้การตัดสินใจในเรื่องธุรกิจของคุณทั้งคู่ยุ่งยากขึ้นแล้ว ยังทำให้คุณและแฟนของคุณเกิดความเคลือบแคลงใจต่อกัน จนอาจทำให้ความสัมพันธ์ร้าวฉานได้อีกด้วย

3. เรื่อง ธุรกิจ งดเว้นการพูดปากเปล่า

สำหรับเรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นปัจจัยพื้นฐานในการทำธุรกิจเลยก็ว่าได้ เพราะการที่คุณทำทุกข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบของลายลักษณ์อักษรย่อมทำให้เกิดความชัดเจน ตรงไปตรงมาอยู่แล้ว ซึ่งการทำแบบนี้นอกจากแต่ละคนจะทราบว่าออกเงินทุนคนละเท่าไหร่ ใครจะเป็นผู้มีอำนาจการตัดสินใจแล้ว ยังทำให้การแบ่งผลประโยชน์หรือกำไรเป็นไปอย่างชัดเจนด้วย 

4. ให้เกียรติซึ่งกันและกัน

หลังจากที่คุณได้ทำข้อมูลทุกอย่างให้เป็นแบบลายลักษณ์อักษรแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่าำคัญที่สุด ห้ามละเลยเป็นอันขาดก็คือการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ด้วยการยึดถือและปฏิบัติตามข้อตกลงทางธุรกิจอย่างเคร่งครัด คุณทั้งสองสามารถทำตามข้อตกลงเหล่านี้ได้ ไม่ว่าสถานการณ์ธุรกิจจะเป็นอย่างไร ความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองก็จะยังคงเหมือนเดิม

5. แยกเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัว

จริงอยู่ที่เรื่องงานและความสัมพันธ์นั้นเป็นเรื่องคนละเรื่องกัน แต่บางครั้งเรื่องส่วนตัวก็อาจเข้ามาปนอยู่กับเรื่องธุรกิจได้ จนทำให้การตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ผิดพลาด และสร้างปัญหาให้กับความสัมพันธ์ของคุณสองคนได้ ทางที่ดี คุณสองคนควรที่จะแยกแยะเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัวให้ได้อย่างเด็ดขาด เพื่อที่ความสัมพันธ์อันดีของคุณทั้งสองจะได้เป็นไปอย่างยั่งยืน

6. แบ่งแยกหน้าที่ตนเองให้ชัดเจน

การกำหนดหน้าที่ของแต่ละคนให้มีความชัดเจนก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน โดยอาจจะแบ่งสรรปันส่วนตามความถนัดเฉพาะด้านของแต่ละคน ที่สำคัญที่สุดคือไม่ควรก้าวก่ายในหน้าที่ของกันและกัน เพราะจะทำให้ลดความเชื่อใจต่อกัน และเกิดความทับซ้อนในงานจนทำให้งานมีความล่าช้าได้

7. ตั้งเป้าหมายและหาจุดร่วมที่เหมือนกัน

คุณจะสังเกตได้ว่าธุรกิจใหญ่ ๆ นั้นมักจะมีพันธกิจ วิสัยทัศน์ และนโยบายของบริษัทวางไว้เป็นรากฐานเพื่อการดำเนินงานที่ตรงกัน แม้ว่าธุรกิจของคุณจะเป็นธุรกิจเล็ก ๆ แต่เชื่อเถอะว่าการวางรากฐานแนวคิดอย่างพันธกิจ วิสัยทัศน์ และนโยบายของบริษัท เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย เพื่อที่คุณทั้งสองคนจะได้มองเห็นธุรกิจในภาพเดียวกัน ตลอดจนมีความรู้สึกและแรงบันดาลใจร่วมกันในการนำพาธุรกิจไปสู่บรรทัดฐานและเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้ได้

และนี่ก็คือสาระดี ๆ ที่ H SEM นำมาฝากคุณผู้อ่านในวันนี้ เพราะความรักของคุณมีค่าเกินกว่าที่จะมาจบลงเพราะเรื่องผลประโยชน์ทางการเงิน การวางรากฐานบริษัทและการสานสัมพันธ์จึงควรดำเนินไปด้วยกันจนถึงฝั่งจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด 

ยอยศยิ่งฟ้า

“เอช เซม” สนับสนุนงานยอยศยิ่งฟ้าอยุธยามรดกโลก 2563

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นายวันชัย ลี้นะวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด (คนที่ 3 จากซ้าย) พร้อมทีมบริหาร มอบรถ SEV-TL 1 ให้กับ นายเดชาธร เชาว์เลขา นายอำเภอบางปะหัน

เพื่อเป็นของรางวัลสำหรับออกร้านกาชาด ในงานยอยศยิ่งฟ้าอยุธยามรดกโลกและงานกาชาดประจำปี ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13-22 มีนาคม 2563 ณ อุทยานแห่งชาติประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา

วาเลนไทน์

7 ทริคต้องรู้! โสดอย่างไรให้สดใสรับ วาเลนไทน์ อย่างสตรอง

เดือนกุมภาพันธ์นอกจากเป็นเดือนที่มีวันสำคัญทางศาสนาอย่างมาฆบูชาแล้ว ก็มี วาเลนไทน์ นี่ล่ะที่ทุกคนให้ความสำคัญ แต่ในวันสำคัญแห่งความรักทั้งที นอกจากจะเป็นวันแห่งความสุขของคนมีคู่แล้ว อีกนัยหนึ่งสำหรับหนุ่มโสด สาวโสด อาจเป็นคืนวันอันโหดร้ายของใครคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ งานนี้ HSEM MOTOR ก็ไม่พลาดที่จะส่งบทความดี ๆ สำหรับคนโสดให้ผ่านเดือนแห่งความรักนี้ไปได้อย่างสตรองมาฝากกัน จะมีทริคอะไรบ้าง ห้ามพลาด!

7 ทริคต้องรู้! โสดอย่างไรให้สดใสรับ วาเลนไทน์

1. ต้องให้คุณค่ากับตัวเองเข้าไว้

เพราะคุณมีค่าเกินกว่าที่จะให้วันวาเลนไทน์ เพียงวันเดียวมาลดคุณค่า มาทำให้คุณรู้สึกไม่ดี ท่องเอาไว้ว่าความรักมันเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยจังหวะและเวลา เพียงแต่วันนี้ยังไม่ใช่วันของเรา ยังไม่เจอคนที่จะมาอยู่คู่กันก็เท่านั้นเอง ฉะนั้นใครที่กำลังเศร้า เสียใจที่เดือนแห่งความรักแบบนี้ตนเองไม่มีใครเข้ามาให้ชีวิตหวานแหวว ลองมองมุมกลับปรับมุมมองว่าการอยู่คนเดียวโสด ๆ แบบนี้เป็นการให้เวลากับตนเอง ทำในสิ่งที่อยากทำโดยไม่มีใครให้ต้องมาเป็นห่วงจะดีกว่า 

2. ทำความเข้าใจกับตนเอง

จริงอยู่ที่เดือนนี้เป็นเดือนแห่งความรัก และคุณอาจจะต้องเห็นภาพคู่รักมากมายที่เดินจับมือถือแขนกัน โพสท์ภาพหวาน ๆ ดินเนอร์ด้วยกัน จนทำให้คุณรู้สึกเศร้า เหงายิ่งกว่าปกติจนพาลคิดไปว่า “ชาตินี้ทั้งชาติคงไม่มีแฟน ต้องอยู่คนเดียวไปจนตายแน่ ๆ ”

ใครที่กำลังคิดแบบนี้อยู่เราขอให้คุณสงบจิตสงบใจกันก่อนเป็นอย่างแรก ท่องเอาไว้ว่าบรรยากาศมันพาไป เพราะก่อนที่เดือนกุมภาพันธ์ และวันสำคัญอย่างวาเลนไทน์ จะมาถึง เดือนอื่น ๆ คุณก็ต้องพบภาพหวาน ๆ แบบนี้อยู่แล้ว ดังนั้นทำใจให้สดใสเบิกบานเข้าไว้ ทำใบหน้าให้ยิ้มแย้มมีความสุข แล้วพลังงานบวกที่คุณมีจะดึงความรักเข้ามาหาคุณเอง

3. อย่าเปรียบเทียบตนเองกับใคร

หลายคนอาจจะเข้าสู่ช่วงอายุที่เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันเริ่มแต่งงานกันไปแล้ว จนทำให้คุณเริ่มที่จะรู้สึกว่าตนเองเป็นคนประหลาด เริ่มที่จะเปรียบเทียบตนเองว่าทำไมถึงไม่มีใครสักคนให้แชร์ทุกข์สุขเหมือนกับคนอื่นบ้าง ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าการที่เพื่อนรุ่นเดียวกันมีแฟน หรือส่วนใหญ่แต่งงานมีครอบครัวกันไปแล้ว ไม่ได้ทำให้คุณกลายเป็นตัวประหลาดแต่อย่างใด ที่สำคัญการที่คุณเห็นว่าเขาดูมีความสุข มีชีวิตที่ดี ภาพที่เห็นกับสิ่งที่เป็นอาจไม่ใช่อย่างนั้น อย่าลืมว่าทุกคนล้วนมีปัญหาของตัวเอง เพียงแต่เขาไม่ได้ประกาศออกไปให้คนอื่นรับรู้ก็เป็นได้

4. วันนี้คุณรักตนเองแล้วหรือยัง

ก่อนที่คุณจะให้ใครมารักคุณ สิ่งแรกที่ควรจะทำก่อนเลยก็คือ วันนี้คุณรักตัวเองแล้วหรือยัง? หากคุณรักตัวเองเป็นแล้ว หมั่นดูแลตนเองให้ดูดีขึ้น มั่นใจในตัวเองมากขึ้น มีสุขภาพที่ดีขึ้น ความรักย่อมอยู่ไม่ไกลคุณแน่นอน เพราะความมั่นใจและทัศนคติที่เป็นบวกจะส่งผลให้คุณได้ไปเจอคนที่ดีและเหมาะสมในเวลาที่ใช่อย่างแน่นอน!

5. เยียวยาตัวเองด้วยการมีความสุขให้ง่ายขึ้น

การมีความสุขกับตัวเองให้ง่ายนั้นเป็นสิ่งที่ค่อนข้างเยียวยาได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการให้รางวัลกับตัวเองด้วยการไปสปา นวดหน้าขัดตัว ทำผมทำเล็บ หรือนัดก๊วนเพื่อน ๆ ที่ยังโสดออกไปแฮงค์เอาท์กันให้มันส์สุดเหวี่ยง ท่องเอาไว้ว่าความโสดนั้นไม่ใช่เรื่องแย่เป็นแค่ประสบการณ์ช่วงหนึ่งของชีวิตเท่านั้น ขอเพียงแค่คุณยอมรับและอยู่กับมันได้อย่างเป็นสุขก็พอแล้ว

6. วาเลนไทน์ ผ่านไปใครว่าต้องเก็บตัว

หลายคนเมื่อเป็นโสดก็มักที่จะเก็บตัว ไม่ออกไปเจอสถานที่ใหม่ ๆ ผู้คนใหม่ ๆ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผิดมหันต์เลย เพราะนอกจากมันจะทำให้ชีวิตของคุณอับเฉาแล้ว มันยังทำให้คุณพลาดโอกาสที่จะได้เจอผู้คนใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิตอีกด้วย ทางที่ดีลองพาตัวเองออกไปเที่ยวคนเดียว พาตัวเองไปเรียนคลาสภาษาต่างประเทศ หรือทำกิจกรรมอาสา กิจกรรมเพื่อสังคม เผื่อคุณจะได้เจอคนใหม่ ๆ สังคมใหม่ ๆ ไม่แน่ว่าในกิจกรรมใหม่ที่คุณเลือกไปอาจเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่พัฒณาในอนาคตก็เป็นได้ 

7. วาเลนไทน์ แล้วไง มีเงินเก็บกว่าเดิมแล้วกัน

จริงอยู่ที่ความโสดอาจจะทำให้คุณรู้สึกโดดเดี่ยว ชีวิตอับเฉา แต่การอยู่เป็นโสดแบบนี้ใช่ว่าจะไม่ดีนะ อันที่จริงมันก็มีข้อดีอยู่! อย่างน้อย ๆ คุณก็มีเงินเหลือเก็บไว้ซื้อความสุข ไว้ซื้อสิ่งที่ชอบให้ตนเองไง ลองนึกภาพตามนะว่าถ้าคุณมีแฟนไหนจะของขวัญวันครบรอบ อาหารมื้อพิเศษที่มีราคาสูง และสถานที่สวย ๆ สำหรับเดทในวันวาเลนไทน์ อีก ดูอย่างไรก็มีแต่คำว่าค่าใช้จ่าย!

และนี่ก็คือสาระดี ๆ กับทริค 7 ข้อที่ HSEM MOTOR นำมาฝากคุณผู้อ่านในวันนี้ ใครที่กำลังรู้สึกแย่กับความเหงา ความโดดเดี่ยวในเดือนแห่งความรักอยู่ เราก็หวังว่าการอ่านบทความนี้จะช่วยทำให้คุณรู้สึกดี และมั่นใจในตนเองกันมากขึ้นนะ

เพราะความรักอยู่รอบตัวเรา จะดีกว่าไหมหากคุณหยุดไขว่คว้าสิ่งที่อยู่ไกล แล้วเปิดใจรับความสุขที่มันอยู่ใกล้ รักตนเองให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ คิดเสียว่าเป็นการฝึกซ้อมก่อนที่จะไปรักใครสักคน เพียงเท่านี้เดือนแห่งความรัก ก็ไม่ใช่เดือนที่น่าปวดใจอีกต่อไปแล้ว!

วาเลนไทน์

วาเลนไทน์ นี้ต้องไป กับ 7 สถานที่เที่ยวดีต่อใจใกล้กรุง

เข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ วาเลนไทน์ แล้วทั้งที งานนี้ HSEM MOTOR ก็ไม่พลาดที่จะนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวดีต่อใจ ใกล้กรุง สำหรับหนุ่มสาวที่อยากไปเดทกันในวันสำคัญอย่างวันวาเลนไทน์ งานนี้จะมีสถานที่ไหนบ้างที่น่าสนใจ เราขอบอกเลยว่าเหล่าคู่รักวันวาเลนไทน์ห้ามพลาด!

วาเลนไทน์ นี้ต้องไป กับ 7 สถานที่เที่ยว ดีต่อใจใกล้กรุงฯ

1. ท่ามหาราช กรุงเทพฯ

สำหรับสถานที่น่าไปเดทกันในวันแห่งความรักสถานที่แรก เราขอนำเสนอท่ามหาราช ตั้งอยู่บนเกาะรัตนโกสินทร์ ริมแม่นํ้าเจ้าพระยา โดยสถานที่แห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว ซึ่งอุดมไปด้วยศิลปะ มรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน แหล่งรวมวัตถุบูชาที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย แน่นอนว่าเรื่องอาหารการกินที่นี่ก็เด็ดไม่แพ้กัน! เพราะมีร้านอาหารอร่อยที่มีประวัติอันยาวนานมากมาย นั่นจึงทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์สำหรับคู่รักนักถ่ายรูปเลยก็ว่าได้ 

2. ท้องฟ้าจำลอง กรุงเทพฯ

พิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อการศึกษาทางดาราศาสตร์ หรือเพื่อการฝึกอบรมในการดูดาว โดยโครงสร้างส่วนใหญ่ของท้องฟ้าจำลองส่วนมากจะถูกสร้างให้เป็นห้องรูปโดมขนาดใหญ่ และติดตั้งเครื่องฉายดวงดาวเพื่อแสดงดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ และวัตถุท้องฟ้าต่างๆ ให้ปรากฏบนหลังคาโดม ซึ่งการทำแบบนี้ทำให้สามารถแสดง “การเคลื่อนที่ของดวงดาวบนท้องฟ้าหรือในจักรวาล” อันซับซ้อนได้อย่างสมจริง ลองคิดถึงภาพที่คุณมาเดทกับแฟนพร้อมกับนอนดูดาวด้วยกันสิ นอกจากจะได้ความรู้แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่คุณจะได้ก็คือบรรยากาศความโรแมนติกอย่างแน่นอน!

3. ร้านอาหารบนตึกใบหยก

ขึ้นชื่อว่าวันวาเลนไทน์แล้วทั้งที HSEM MOTOR ก็ไม่พลาดที่จะนำเสนอสถานที่ส่วนตัวสำหรับคู่รักที่ต้องการลิ้มรสบรรยากาศความโรแมนติกแบบภาพพาโนรามา กับ ร้านอาหารบนตึกใบหยกซึ่งภายในตึกใบหยกเองก็ประกอบไปด้วยร้านอาหารมากมายหลายแห่งให้เลือกสรร ขึ้นอยู่กับรสนิยมความชอบของคุณ คู่รักท่านใดที่ต้องการใช้เวลาร่วมกันแบบเงียบสงบ แต่ยกระดับความหรูหรา เราขอแนะนำให้มาที่นี่กัน!

4. เยาวราช

ถนนสายหนึ่งในกรุงเทพมหานครที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จักกับย่านถนนจีนเก่าอย่างเยาวราช งานนี้ใครที่เป็นคู่รักสายลุย สายฮิปสเตอร์ เราขอบอกเลยว่าต้องมาที่นี่ นอกจากถนนสายนี้จะมีร้านอาหารอร่อย ๆ มากมายหลากหลายให้เลือกสรร ยังเป็นสถานที่บรรยากาศดีเหมาะแก่การถ่ายรูปยามค่ำคืนอีกด้วย ลองคิดภาพตามกันดูสิว่าอะไรจะโรแมนติกและมีความสุขไปกว่าการได้เดินเคียงข้างกันท่ามกลางบรรยากาศที่ไม่เหมือนใครในยามค่ำคืนของเยาวราช แค่คิดภาพตามก็ฟินแล้วเชื่อ HSEM MOTOR ได้เลย!

5. ทะเลยามเย็นที่บางขุนเทียน

“บางขุนเทียน” เป็นเขตที่ตั้งอยู่ติดกับทะเลอ่าวไทย โดยบริเวณนี้จะมีธรรมชาติของป่าชายเลนที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก ที่สำคัญสถานที่แห่งนี้ยังมีจุดชมวิวทะเลสวย ๆ ให้คุณและคนที่คุณรักได้มาพักผ่อนหย่อนใจ เดินตากลมทะเลเย็น ๆ อีกด้วย ไม่เพียงแต่ที่บางขุนเทียนจะมีวิวสวย ๆ บรรยากาศดี ๆ ให้คุณได้ชื่นชมเพียงอย่างเดียว เพราะที่นี่เขายังเป็นแหล่งรวมร้านอาหารทะเลสด ๆ รสชาติแซ่บ ถูกปากคนไทยให้คุณได้เลือกสรรอีกด้วย งานนี้ใครที่เบื่อไลฟ์สไตล์คนเมืองแต่ไม่อยากไปไกลถึงต่างจังหวัด บางขุนเทียนคือคำตอบที่ดีที่สุด!

6. ช็อกโกแลตวิลล์

ร้านอาหารตกแต่งสไตล์ยุโรปขนาดใหญ่ที่อยู่ในพื้นที่ 16 ไร่ ไม่ว่าจะมุมไหนในร้านอาหารคุณก็สามารถถ่ายรูปได้หมดทั้งนั้น เนื่องจากภายในร้านตกแต่งให้ทุกพื้นที่มีความสวยงาม และสามารถใช้งานได้จริง เรื่องหน้าตา รสชาติของร้านนี้ เรียกได้ว่าสมราคาและสถานที่ โดยในร้านอาหารแห่งนี้มีประเภทอาหารให้คุณได้เลือกสรรมากมายหลากหลาย เรียกได้ว่าตอบโจทย์สุด ๆ สำหรับคนที่อยากถ่ายรูปหวาน ๆ ทานอาหาร และเดินเล่นครบ จบในที่เดียว

7. เกาะล้าน

หลังจากที่เราได้แนะนำสถานที่เที่ยวดีต่อใจในวันวาเลนไทน์เป็นสถานที่ที่อยู่ในกรุงเทพและอยู่ใกล้กรุงเทพแล้ว เราก็ขอพาคุณผู้อ่านมาเดทกันในวันวาเลนไทน์ไกลขึ้นหน่อยกับเกาะล้าน ซึ่งเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ในอ่าวไทย เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี งานนี้คู่รักท่านใดที่เป็นสายรักการเดินทาง อยากเปลี่ยนบรรยากาศ เราขอบอกเลยว่าไม่ควรพลาดทริปเกาะล้าน หวานฉ่ำรับวาเลนไทน์

และนี่ก็คือ 7 สถานที่ท่องเที่ยวดีต่อใจใกล้กรุง ที่ HSEM MOTOR นำมาฝากคุณผู้อ่านในวันนี้ คู่รักคู่ใดที่ยังไม่รู้ว่าจะไปเดทหวาน ๆ รับวันวาเลนไทน์ที่ไหน ก็ลองไปตาม 7 สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ได้

มาฆบูชา

5 กิจกรรมสุดปัง ควรทำในวันแห่งความรักทางศาสนาอย่าง มาฆบูชา

“มาฆบูชา” วันสำคัญทางศาสนาที่พุทธสาวกทั้งสิ้น 1,250 รูป มารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมาย แต่คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าวันมาฆบูชา นอกจากจะเป็นวันสำคัญของพุทธศาสนาแล้ว วันนี้ยังเป็นวันแห่งความรักประจำศาสนาพุทธอีกด้วย ใกล้จะวันมาฆบูชาแล้วทั้งที งานนี้ HSEM MOTOR ก็ไม่พลาดที่จะนำเสนอ 5 กิจกรรมสุดปัง ควรทำในวันแห่งความรักทางศาสนาอย่างมาฆบูชา งานนี้จะมีกิจกรรมอะไรบ้าง และทำไมวันมาฆบูชาถึงเป็นวันแห่งความรักประจำศาสนาพุทธ ใครที่กำลังสงสัยอยู่เราขอบอกเลยว่าห้ามพลาด!

ไขข้อสงสัย กับ เหตุผลที่ทำให้ มาฆบูชา เป็นวันแห่งความรัก!

“มาฆบูชา” เป็นวันสำคัญทางศาสนาพุทธ ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ย่อมาจาก “มาฆปูรณมีบูชา” หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะตามปฏิทินอินเดีย โดยวันนี้เรียกได้ว่าเป็นเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาเลยก็ว่าได้ เนื่องจากในสมัยพุทธกาลเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ ๙ เดือน ขณะที่เสด็จประทับอยู่ที่วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ พระสงฆ์สาวกที่พระพุทธองค์ได้ส่งออกไปเผยแพร่พุทธศาสนาตามเมืองต่าง ๆ ได้พร้อมใจกันกลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้าโดยมิได้นัดหมายถึง 1,250 รูป นับได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่อัศจรรย์เป็นอย่างมาก 

ไม่เพียงแต่วันนี้จะเป็นวันที่พุทธสาวกทั้ง 1,250 รูป พร้อมใจกันกลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นวันที่พระองค์ได้ทรงแสดงพระโอวาทปฎิโมกข์แก่พุทธสาวกเป็นครั้งแรกอีกด้วย เพื่อให้พระสงฆ์นำไปประพฤติปฏิบัติให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองต่อไป ซึ่งคำว่า “จาตุรงคสันนิบาต” แยกศัพท์ได้ดังนี้ คือ “จาตุร” แปลว่า ๔ “องค์” แปลว่า ส่วน “สันนิบาต” แปลว่า ประชุม ฉะนั้นจาตุรงคสันนิบาตจึงหมายความว่า “การประชุมด้วยองค์ ๔” 

กล่าวคือมีเหตุการณ์พิเศษที่เกิดขึ้นพร้อมกันในวันนี้ คือ เป็นวันที่ พุทธสาวกของพระพุทธเจ้า จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันที่โดยมิได้นัดหมาย ซึ่งพระภิกษุสงฆ์เหล่านี้ล้วนเป็น “เอหิภิกขุอุปสัมปทา” คือเป็นผู้ที่ได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น โดยพระภิกษุสงฆ์ทุกองค์ที่ได้มาประชุมในครั้งนี้ ล้วนแต่เป็นผู้ได้บรรลุพระอรหันต์แล้วทุก ๆ องค์ ที่สำคัญที่สุดก็คือ วันนั้นเป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงกำลังเสวยมาฆฤกษ์อีกด้วย

โดยโอวาทปฎิโมกข์ที่พระพุทธเจ้าได้กล่าวถึงนั้น ว่าด้วยการส่งเสริมให้มวลมนุษย์ตั้งมั่นในการทำความดี ละเว้นความชั่ว ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน กล่าวคือ ทรงสอนให้ทุกคนมีความรักอันยิ่งใหญ่ เป็นรักที่ไม่เห็นแก่ตัว เพราะสอนให้รู้จักรัก และเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลก โดยมีพระสงฆ์เป็นผู้นำพระธรรมคำสั่งสอนดังกล่าวไปเผยแพร่ 

เพราะ “ความรัก” มีความหมายที่ยิ่งใหญ่ ไร้ขอบเขต อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์ทุกชาติ ทุกภาษา สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุขหลายคนจึงถือว่า “วันมาฆบูชา” เป็นวันแห่งความรัก

5 กิจกรรมสุดปัง ควรทำในวันแห่งความรักทางศาสนาอย่าง มาฆบูชา

และเนื่องในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ที่จะถึงนี้ HSEM MOTOR จึงไม่รอช้า! ขอแนะนำ 5 กิจกรรมดี ๆ ที่พุทธศาสนิกชนอย่างเราควรปฏิบัติในวันมาฆบูชา มาฝากกัน

1. ตื่นเช้าตักบาตรสร้างความสิริมงคลรับวันมาฆบูชา

เริ่มต้นวันดีแล้วทั้งที งานนี้ HSEM MOTOR ขอชวนคุณผู้อ่านตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมอาหารทำกับข้าว ถ้าหากไม่สะดวกก็สามารถหาซื้อข้าวเปล่า และกับข้าวที่มีคุณประโยชน์โภชนาการครบ 5 หมู่ นำไปถวายอาหารบิณฑบาตแด่พระภิกษุสงฆ์ที่วัดใกล้บ้าน หรือวัดที่เรานับถือ

2. การสมาทานศีล เรื่องนี้ไม่ควรละเลย

หลังจากที่ตอนเช้าเราได้ทำบุญตักบาตรถวายอาหารแล้ว อีกหนึ่งขั้นตอนถัดไปที่ไม่ควรละเลยก็คือการสมาทานศีล ไม่ว่าจะเป็นศีล 5 หรือจะเป็นศีล 8 เพื่อที่เราทุกคนจะได้ฝึกตนให้เป็นคนที่อยู่ในศีลธรรม 

3. ฝึกสมาธิ หรือฟังธรรมเทศนา

นอกจากการสมาทานศีล และการตื่นเช้าตักบาตร ขั้นตอนนี้ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน โดยในวันสำคัญอย่างวันมาฆบูชา ชาวพุทธอย่างพวกเราทุกคนก็ควรที่จะนั่งสมาธิ หรือฟังธรรมเทศนาเพื่อที่เราจะได้สงบกาย สงบใจ 

4. พิธีเวียนเทียน ไฮไลท์สำคัญของวันมาฆบูชา

เนื่องจากวันนี้เป็นวันสำคัญทางศาสนาอย่างวันมาฆบูชา ชาวพุทธอย่างพวกเราทุกคนจึงต้องร่วมกาย ร่วมใจเข้าวัดเพื่อบูชารำลึกถึงพระรัตนตรัย โดยใช้เทียนธูปและดอกไม้เป็นเครื่องสักการบูชา ถือไว้ในมือแล้วเดินเวียน 3 รอบ ขณะที่เดินรอบนั้นพึงตั้งจิตให้สงบ พร้อมสวดระลึกถึงพระพุทธคุณด้วยการสวดบท “อิติปิโส” ระลึกถึงพระธรรมคุณด้วยการสวดสวากขาโต และระลึกถึงพระสังฆคุณด้วยการสวดสุปะฏิปันโน จนกว่าจะเวียนจบ 3 รอบ

5. “ มาฆบูชา ” วันสำคัญที่ควรละเว้นเรื่องอบายมุขทุกชนิด

หลังจากที่เราปฏิบัติชอบ ปฏิบัติดีจนครบทั้ง 4 ข้อข้างบนแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนที่สำคัญที่สุด หากคุณผู้อ่านปฏิบัติตาม 4 ข้อข้างบน แต่ไม่ปฏิบัติตามข้อที่ 5 นี้ ทุกสิ่งที่ทำมาก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร

และนี่ก็คือสาระดี ๆ ที่ HSEM MOTOR นำมาฝากคุณผู้อ่านในวันนี้ งานนี้พุทธศาสนิกชนท่านใดที่อยากสร้างความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต ลองปฏิบัติตาม 5 ข้อที่เรานำมาฝากคุณผู้อ่านในวันนี้ดูค่ะ ใน 1 ปีจะมีวันมาฆบูชาแค่ 1 ครั้งเท่านั้น จะดีกว่าไหมหากเราลองประพฤติดี ปฏิบัติชอบในวันสำคัญทางศาสนาแบบนี้ และที่สำคัญที่สุดหากเป็นไปได้ในวันมาฆบูชาแบบนี้ HSEM MOTOR ขอแนะนำให้สาว ๆ ทุกท่านแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีขาว กระโปรงและกางเกงยาวเลยเข่าเพื่อเป็นการให้เกียรติสถานที่ แต่งตัวให้มีความสำรวม สุภาพ และถูกต้องตามกาลเทศะ 

ไวรัสโคโรน่า

WHO ประกาศแล้ว ไวรัสโคโรน่า คือ ภาวะฉุกเฉินของโลก!

เปิดประเด็นด่วนมาอย่างเผ็ดร้อน กับ ไวรัสโคโรน่า โดยนายเทดรอส อาดานอม เกเบรเยซัส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้แถลงที่เจนีวา เมื่อคืนวันที่ 30 มกราคม 2563 ที่ผ่านมาว่า สาเหตุหลักที่ต้องประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งนี้ “ไม่ใช่เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศจีน แต่เป็นเพราะสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศอื่น ๆ”  เนื่องจากกังวลว่า การระบาดดังกล่าวจะแพร่ไปสู่ประเทศที่มีระบบสาธารณสุขไม่เข้มแข็ง

โดยองค์การอนามัยโลกได้ออกมาระบุยอดตัวเลขที่เกิดขึ้นจากวิกฤติไวรัสโคโรน่า กล่าวคือ

ตัวเลขผู้เสียชีวิตในจีนขณะนี้อยู่ที่ 170 คน และพบผู้ติดเชื้อแล้ว 98 ราย ในอีก 18 ประเทศ ซึ่งผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เดินทางมาจากนครอู่ฮั่น ต้นกำเนิดโรคระบาดนี้

ซึ่งการประกาศภาวะฉุกเฉินนี้ นอกจากจะช่วยให้ทุกประเทศเฝ้าระวังเกี่ยวกับไวรัสโคโรน่ากันมากขึ้นแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ WHO เข้าไปให้การสนับสนุนเหล่าประเทศรายได้น้อย และรายได้ปานกลาง เสริมสร้างระบบการเฝ้าระวัง และเตรียมรับมือกับการเกิดโรคในประเทศอื่น ๆ ได้

“ไทย” หนึ่งในประเทศที่สุ่มเสี่ยงได้รับเชื้อ ไวรัสโคโรน่า สายพันธ์ใหม่!

จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเซาแธมป์ตัน ประเทศอังกฤษ พบว่า ไทยคือประเทศที่เสี่ยงจะได้รับเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือ 2019-nCoV จากจีนแผ่นดินใหญ่มากที่สุดในโลก เนื่องจากเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงการระบาดของโรคในเทศกาลตรุษจีน อย่างไรก็ตามแต่อัตราเสี่ยงที่ไทยจะเผชิญการแพร่ระบาดภายในประเทศอาจไม่สูงที่สุดในโลก เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่มีระบบสาธารณสุขที่ค่อนข้างแข็งแกร่งพอสมควร

โดยงานวิจัยชิ้นนี้มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลการเดินทางของชาวจีน ระหว่างปี 2013-2015 ที่ได้จากบริการระบุตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ (Location-Based Services หรือLBS) ของเว็บไซต์ไป่ตู้ และข้อมูลการเดินทางทางอากาศระหว่างประเทศในปี 2018 จากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ ไออาตา

เตรียมตัวรับมือกันให้ดี กับ 18 เมืองความเสี่ยงสูง

จากผลการศึกษาที่ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2563 พบว่า ในจีนแผ่นดินใหญ่มีเมือง 18 แห่ง ที่ถูกจัดให้อยู่ในพื้นที่ความเสี่ยงสูงที่พบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย เมืองอู่ฮั่น และอีก 17 เมืองที่มีคนจากเมืองอู่ฮั่นเดินทางไปจำนวนมากในช่วงเทศกาลตรุษจีน ได้แก่ ปักกิ่ง, เซี่ยงไฮ้, กว่างโจว, เจิ้งโจว, เทียนจิน, หางโจว, เจียเซียง, ฉางชา, ซีอาน, หนานจิง, เซินเจิ้น, ฉงชิ่ง, หนานชาง, เฉิงตู, เหอเฝย์, ฝูโจว, ตงก่วน

ซึ่งจากผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า ไทยคือจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่คนจาก 18 เมืองมีความเสี่ยงสูงของการระบาดโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ นั่นจึงทำให้ไทยกลายเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงมากที่สุดที่จะได้รับเชื้อโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่เข้าประเทศ โดยประเมินว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศในช่วง 3 เดือน คือ 15 วันก่อนวันตรุษจีนและ 2 เดือนครึ่งหลังจากนั้นราว 2.031 ล้านคน หรือคิดเป็นอัตราความเสี่ยงที่ 15.3%

อย่างไรก็ตาม ทีมนักวิจัยชี้ว่าตัวเลขเหล่านี้เป็นการประเมินจากรูปแบบการเดินทางตามปกติของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงตรุษจีน และตัวเลขนี้อาจเปลี่ยนแปลงไปในกรณีที่มีการจำกัดการเดินทางและการใช้มาตรการควบคุมต่าง ๆ

ส่วนเมืองใหญ่อื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงสูงในการรับเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่จากจีน อาทิ ฮ่องกง, ไทเป, โซล, โตเกียว, สิงคโปร์,โอซากา, กัวลาลัมเปอร์, มาเก๊า, ซิดนีย์, ลอสแอนเจลิส, นิวยอร์ก และลอนดอน เป็นต้น

แม้วิกฤติโคโรน่านี้จะเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างน่ากังวล แต่ใช่ว่าจะไม่มีความหวังในการรักษาเลย เพราะล่าสุด สถาบันพีเทอร์ โดเฮอร์ตี เพื่อการวิจัยโรคติดเชื้อและภูมิคุ้มกัน (Peter Doherty Institute) ของออสเตรเลีย ได้ออกมาแถลงว่า

ขณะนี้ประสบความสำเร็จในการเพาะเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019-nCoV ที่มีความบริสุทธิ์และไม่ปนเปื้อนกับเชื้อโรคชนิดอื่น ๆ แล้ว ทำให้อนาคตข้างหน้าสามารถนำมันไปใช้ประโยชน์ในงานวิจัยทางการแพทย์ได้หลากหลาย

โดยการเพาะเชื้อไวรัส 2019-nCoV ในครั้งนี้ นับว่าเป็นครั้งแรกที่มีผู้ทำได้สำเร็จนอกประเทศจีน โดยจะนำเชื้อบริสุทธิ์ดังกล่าวไปใช้พัฒนาชุดทดสอบเพื่อตรวจหาผู้ติดเชื้อได้ในขณะที่ยังไม่แสดงอาการ รวมทั้งนำไปใช้คิดค้นและทดสอบวัคซีนป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ได้อีกด้วย

และนี่ก็คือสถานการณ์ด่วน ประเด็นร้อนที่ HSEM MOTOR นำมาฝากคุณผู้อ่านในวันนี้ ช่วงนี้หากใครมีอาการเจ็บคอ ไอบ่อย รู้สึกเหมือนไข้ขึ้น เราขอแนะนำให้คุณไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพร่างกายโดยด่วน เพื่อความปลอดภัยของคุณ!

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.bbc.com/thai

หน้ากาก-N95

ของมันต้องมี! ต้นตอสู่วิกฤติ หน้ากาก N95 ราคาพุ่งสูง

ยังต้องจับตาอย่างต่อเนื่องกับวิกฤติไวรัสโคโรน่า โดยเช้าวันนี้ 29 มกราคม 2563 ทางการจีนได้ออกมาแถลงล่าสุดว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 เพิ่มขึ้นจาก 106 ราย เป็น 132 ราย และติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 5,496 ราย เป็น 5,974 ราย นี่เป็นเพียงยอดผู้ป่วยจากประเทศจีนเท่านั้น ยังไม่รวมจำนวนผู้ป่วยในประเทศไทย ไต้หวัน ฮ่องกง และประเทศอื่นอีก 15 ประเทศ

“ไวรัสโคโรน่า” สู่ปัญหา หน้ากาก N95 ราคาพุ่งสูง!

จากข้อมูลข่าวหลายสำนักข่าวที่ลงพื้นที่สำรวจ พบว่า ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีน เช่น ย่านรัชดาภิเษก สยาม สีลม และอีกหลายพื้นที่ในต่างจังหวัดอีกมากมายที่ชาวจีนนิยมไปเที่ยว กำลังประสบปัญหาหน้ากาก N95 หมดสต๊อก เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งซื้อเหมาหน้ากากอนามัยแบบ N95 และหน้ากากแบบธรรมดากลับประเทศจำนวนมาก 

ส่วนในประเทศต่าง ๆ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง และไต้หวัน ก็มีผู้ใช้งานโซเชียลบางส่วนออกมาให้ข้อมูล และพูดถึงหน้ากากอนามัยว่ามีการถูกซื้อไปเป็นจำนวนมาก หลายพื้นที่หน้ากากอนามัยเริ่มขาดตลาด โดยเฉพาะในย่านท่องเที่ยว

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าในประเทศไทยนอกจากวิกฤติไวรัสโคโรน่าแล้ว เราก็กำลังเผชิญกับปัญหามลภาวะอย่างฝุ่น PM2.5 ด้วย การที่หน้ากากอนามัยทั่วไปที่ป้องกันไวรัส และหน้ากากอนามัยประเภท N95 ที่ป้องกันฝุ่น PM2.5 ขาดตลาดอาจทำให้คนไทยประสบปัญหาหน้ากากอนามัย และหน้ากาก N95 ราคาพุ่งสูงได้ ที่ร้ายแรงที่สุดก็คือมีไม่เพียงพอต่อจำนวนประชากรและการใช้งาน

5 เรื่องต้องรู้ เกี่ยวกับหน้ากากอนามัย และหน้ากาก N95

1. หน้ากากอนามัยแบบไหน ป้องไวรัสโคโรน่า

โดยหน้ากากที่เหมาะสำหรับป้องกันความสุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโคโรน่า มี 2 ประเภทดังนี้

  • หน้ากากอนามัย

มีส่วนช่วยลดการแพร่กระจายของไวรัสได้ค่อนข้างสูง สามารถใช้งานได้สะดวก ไม่อึดอัด และช่วยป้องกันอนุภาคขนาดใหญ่ที่กระจัดกระจายอยู่เข้าสู่ปากและจมูกของผู้สวมใส่ หากเป็นผู้ป่วยสวมใส่จะช่วยลดการพ่นน้ำลาย น้ำมูก และเสมหะไปยังผู้อื่น

  • หน้ากากอนามัย N95 

เป็นหน้ากากที่ถูกออกแบบมาให้กรองอนุภาคที่อยู่ในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เวลาสวมใส่แล้วจะแน่นกว่าหน้ากากกันเชื้อโรคทั่วไป ทำให้ผู้สวมใส่มีปัญหาหายใจลำบาก

2. ใครจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยที่สุด

จริงอยู่ที่ทุกคนควรสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อลดปัญหาการแพร่เชื้อและติดเชื้อไวรัสโคโรน่า แต่หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น หน้ากากอนามัยไม่พอจำหน่ายขึ้นมา คุณผู้อ่านเคยสงสัยหรือไม่ว่าใครกันที่ควรสวมใส่หน้ากากอนามัย สำหรับคำตอบของเรื่องนี้ก็คือ ผู้ป่วยควรสวมใส่หน้ากากอนามัยมากที่สุด เพราะในทางการแพทย์การที่ผู้ป่วยสวมใส่หน้ากากอนามัยช่วยลดการแพร่เชื้อได้สูงถึง 90% ขณะที่คนทั่วไปสวมใส่หน้ากากอนามัยช่วยป้องกันเชื้อโรคเพียง 10% เท่านั้น  

3. หน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 ใส่ซ้ำใครว่าดี

สำหรับใครที่กำลังทำแบบนี้อยู่ เราขอบอกเลยว่าเป็นพฤติกรรมที่ผิดมหันต์ เพราะการสวมใส่หน้ากากอนามัยที่เคยสวมใส่แล้วซ้ำ ๆ ก็เหมือนการนำแหล่งเพาะเชื้อโรคมาคาดจมูกกับปากของคุณซ้ำไปซ้ำมา แทนที่จะช่วยป้องกันอาจกลายเป็นการเร่งให้คุณได้รับเชื้อโรคไวยิ่งกว่าเดิมได้ ทางที่ดีเมื่อคุณใช้งานเสร็จแล้ว ควรพับด้านที่แนบกับจมูกและปากเข้าหากัน แล้วจึงใส่ถุงพลาสติก มัดปากถุงให้แน่น นำไปทิ้งในถังขยะทั่วไป และล้างมือทุกครั้งหลังทิ้งหน้ากากอนามัย

4. ใส่หน้ากากถูกวิธี มั่นใจประสิทธิภาพการป้องกันได้

โดยขั้นตอนการใส่หน้ากากอนามัยให้ถูกวิธี นอกจากการสวมใส่หน้ากากอนามัยด้านที่มีลวดให้อยู่ข้างบนสันจมูก หันด้านที่มีสีเข้มออกด้านนอก และหันด้านที่มีรอยจีบคว่ำพับลงแล้ว อีกหนึ่งขั้นตอนที่ห้ามละเลยก็คือการล้างมือให้สะอาดก่อนสวมใส่หน้ากากอนามัย เมื่อสวมใส่เรียบร้อยแล้วอย่าลืมกดแถบลวดขอบบนให้รับกับจมูกด้วยเพื่อที่อากาศภายนอกจะได้เข้ามาให้น้อยที่สุด

5. หน้ากาก N95 ผู้ป่วยใส่ดีกว่าแบบธรรมดา จริงเหรอ?

จริงอยู่ที่หน้ากากอนามัย N95 มีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาคที่อยู่ในอากาศได้สูง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยอาการอึดอัด หายใจไม่ออกแทน หากคุณไม่ใช่ผู้ป่วยการสวมใส่หน้ากากอนามัย N95 อาจเป็นคำตอบที่ดีที่สุด แต่สำหรับผู้ป่วยแล้ว เราขอแนะนำให้สวมใส่เป็นหน้ากากอนามัยธรรมดาก็พอ เพื่อที่คุณจะได้หายใจได้ไม่ติดขัด ถึงอย่างไรประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโรคของหน้ากาก 2 ชนิดนี้ก็มีความสามารถไม่ด้อยกว่ากันอยู่แล้ว 

โดยศาสตราจารย์ โจนาธาน บอลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาระดับโมเลกุลของไวรัสจากมหาวิทยาลัยนอตทิงแฮม ระบุว่า “ในงานวิจัยที่มีการควบคุมปัจจัยต่าง ๆ เป็นอย่างดีและมีขึ้นภายในโรงพยาบาล” พบหลักฐานบ่งชี้ว่า หน้ากากอนามัยแบบธรรมดาสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ดีพอ ๆ กับหน้ากากกรองอากาศ (respirator)

และนี่ก็คือสาระดี ๆ ที่ HSEM MOTOR นำมาฝากคุณผู้อ่านในวันนี้ ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าในขณะนี้ยังค่อนข้างน่ากังวล เนื่องจากเช้าวันนี้ 28 มกราคม 2563 ทางการจีนได้ออกมาแถลงว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 เพิ่มขึ้นจาก 80 เป็น 106 คน และติดเชื้อใหม่อีกเกือบ 1,300 คน รวมแล้วกว่า 4,171 คน ก็ต้องติดตามสถานการณ์ไวรัสโคโรน่ากันต่อไปว่าจะมีวิธีรักษาอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ 

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.thairath.co.th/

https://thestandard.co/

สสท

สสท. เยี่ยมชม โรงงาน H SEM MOTOR

บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ต้อนรับ คณะสมาชิกของสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) เข้าศึกษาดูงาน ณ สถานประกอบการ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด เพื่อนำความรู้และประสบการณ์จากการเยี่ยมชมที่ได้รับกลับไปใช้ประโยชน์ในการปฎิบัติงาน ตามประเภทธุรกิจ

ไวรัสโคโรน่า

วิกฤติ “ไวรัสโคโรน่า” เชื้อร้ายสายพันธ์ใหม่ ติดต่อจากคนสู่คน!

สถานการณ์ยังคงย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง กับ ไวรัสโคโรน่า เมื่อสำนักข่าว แชนเนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ 21 ม.ค. 2563 ทางการประเทศจีนออกมายืนยันว่า จำนวนผู้ติดเชื้อ “ไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่ 2019” ทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 308 รายแล้ว โดยผู้ติดเชื้อบางส่วนเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ถึง 15 คน นับว่าเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าภายในเวลาเพียง 4 วัน ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตก็เพิ่มเป็น 6 รายแล้ว

โดยก่อนหน้านี้ทางการจีนคาดว่า ไวรัสชนิดนี้แพร่จากสัตว์สู่คนเป็นหลัก โดยเจ้าหน้าที่พบว่าที่มาของโรคอยู่ในตลาดปลาของเมืองอู่ฮั่น และสั่งปิดตลาดแห่งนี้ อย่างไรก็ตามภายหลังทางการจีนได้รับการยืนยันแล้วว่ามีผู้ป่วยอย่างน้อย 2 รายที่เป็นการติดต่อจากคนสู่คน โดยทั้งคู่อยู่ในมณฑลกวางตุ้ง ได้รับเชื้อจากสมาชิกครอบครัวที่เพิ่งกลับมาจากเมืองอู่ฮั่น ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่การแพทย์เองก็ติดเชื้อชนิดนี้ด้วยเช่นกัน

ทำความรู้จัก “ไวรัสโคโรน่า” เชื้อโรคสายพันธ์ใหม่

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาพูดถึงกรณีพบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบในเมืองอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ยของจีนกว่า 50 รายว่า อาจเกิดจากเชื้อไวรัสชนิดใหม่ที่พัฒนามาจากเชื้อไวรัสอันตรายในตระกูลเชื้อโคโรน่าไวรัส ที่ก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง (SARS) หรือโรคซาร์ส และโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (MERS) หรือโรคเมอร์ส ที่เคยเกิดการแพร่ระบาดก่อนหน้านี้

โดย Arnaud Fontanet ผู้อำนวยการฝ่ายระบาดวิทยาแห่ง Paris’ Institut Paster ประเทศฝรั่งเศส ระบุว่า เชื้อไวรัสโคโร่นาสายพันธุ์ใหม่ถือเป็นสายพันธุ์ที่ 7 ที่ระบาดสู่คน ซึ่งผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโร่นาสายพันธุ์ใหม่จะมีไข้ ไอ หายใจลำบาก รวมถึงท้องเสีย โดยเชื้อไวรัสโคโร่นาสายพันธุ์ใหม่นี้มีลักษณะทางพันธุกรรมที่ค่อนข้างคล้ายกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS) มากถึง 80% เลยก็ว่าได้

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า

จากข้อมูลล่าสุดในวันที่ 21 ม.ค. 2563 พบว่า ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าอาจติดเชื้อไวรัสเพิ่มมากกว่า 220 คนแล้ว ส่วนใหญ่เป็นผู้ติดเชื้อในมณฑลแถบตะวันออกของจีน ตั้งแต่ปักกิ่งไปจนถึงมณฑลกวางตุ้ง ส่วนในต่างประเทศที่ยืนยันพบผู้ป่วยแล้ว มีดังนี้

  • 13 ม.ค. 2563 พบผู้ติดเชื้อคนแรกในไทย
  • 16 ม.ค. 2563 พบผู้ติดเชื้อคนแรกในญี่ปุ่น
  • 17 ม.ค. 2563 พบผู้ติดเชื้อคนที่ 2 ในไทย
  • 20 ม.ค. 2563 พบผู้ติดเชื้อคนแรกในเกาหลีใต้

โดยทุกคนที่ติดเชื้อล้วนเป็นผู้ที่มีประวัติการเดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นของจีน จากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้องค์การอนามัยโลก (WHO) มีกำหนดประชุมฉุกเฉินในวันพุธที่ 22 ม.ค. นี้ เพื่อประเมินสถานการณ์พร้อมเตรียมตัดสินว่าจะประกาศให้สถานการณ์โรคระบาดของเชื้อไวรัสโคโร่นาสายพันธุ์ใหม่ชนิดนี้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศหรือไม่

ขอบคุณภาพจาก : https://www.thairath.co.th/

เรื่องนี้ต้องรู้! มาตรการรับมือไวรัสโคโรน่า เชื้อร้ายที่คร่าชีวิตผู้คน

หลังจากที่เกิดการพบผู้ติดเชื้อ หน่วยงานสาธารณสุขก็สั่งปิดตลาดค้าส่งอาหารทะเลขนาดใหญ่ในเมืองอู่ฮั่นตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา เพื่อทำความสะอาดและควบคุมไม่ให้เชื้อแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง เนื่องจากผู้ติดเชื้อบางส่วนมีประวัติเชื่อมโยงกับตลาดแห่งนี้ นอกจากนี้ยังคัดแยกคนในครอบครัวผู้ติดเชื้อไว้สังเกตอาการและเปิดให้ผู้มีอาการในกลุ่มเสี่ยงลงทะเบียนเพื่อเตรียมความพร้อมช่วงเทศกาลตรุษจีนในสัปดาห์หน้า

ส่วนคนในประเทศอื่น ๆ ที่เริ่มพบผู้ติดเชื้อ แล้วยังไม่พบผู้ติดเชื้อ หากยังไม่มีอาการอะไรเบื้องต้นให้ดูแลรักษาสุขอนามัยตามปกติ แต่สำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไปยังเมืองอู่ฮั่น จะต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์หรือซากสัตว์ หลีกเลี่ยงการไปตลาดสด

ไม่ควรสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการทางทางเดินหายใจ เช่น ไอ น้ำมูก ล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล อีกทั้งเมื่อเดินทางกลับมาแล้วหากมีอาการผิดปกติภายใน 14 วัน ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบว่ามีประวัติเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคมา

ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกประชุมวาระฉุกเฉินในวันพุธที่ 22 ม.ค.นี้ ที่นครเจนีวา ในสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อพิจารณาว่า ควรประกาศให้การระบาดของ ไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่ 2019 ครั้งนี้ เป็น “ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขโลก” หรือไม่

โดยที่ผ่านมา WHO ไม่ได้แนะนำให้มีการจำกัดการค้าหรือการเดินทาง แต่เรื่องนี้อาจเปลี่ยนแปลงหลังการประชุมในวันนี้ และนี่ก็คือข้อมูลข่าวสาร ประเด็นร้อนในสังคมที่ HSEM MOTOR นำมาฝากคุณผู้อ่านในวันนี้ ส่วนวิกฤติ “ไวรัสโคโรน่า” สถานการณ์จะเป็นอย่างไร ต้องติดตามต่อไปอย่างใกล้ชิด!

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.thairath.co.th/
https://news.thaipbs.or.th

ตรุษจีน

8 เรื่องสุดปัง ทำแล้วเฮง ต้อนรับ ตรุษจีน ปี 2020

ซินเจียหยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ แต่ถ้าใครจะอั่งเอาตั่วตั่วไก๊ ก็ย่อมได้ เพราะนี่คือวัน ตรุษจีน! งานนี้ HSEM MOTOR ก็ไม่พลาดที่จะนำเสนอ 8 เรื่องสุดปัง ทำแล้วเฮง ต้อนรับวันตรุษจีน ปี 2020 ใครอยากให้ชีวิตเฮง รับทรัพย์ตลอดปี ไม่ควรพลาด!

“ตรุษจีน” ชื่อนี้มีที่มาว่าอย่างไรนะ?

หลายคนเมื่อนึกถึงเทศกาลตรุษจีนก็มักจะคิดว่าเป็นวันกินเลี้ยง ที่นอกจากจะต้องมีอั่งเปาให้ลูกหลานแล้ว งานประทัด เสื้อผ้าสีแดงก็ต้องมา แล้วคุณผู้อ่านสงสัยหรือไม่ว่าทำไมงานวันปีใหม่จีนถึงเป็นเช่นนี้ ใครที่กำลังสงสัยอยู่เราหาคำตอบมาให้แล้ว!

“วันตรุษจีน” ในอดีตเรียกว่า “กว้อชุนเจี๋ย”  หรือ “กว้อเหนียน” เล่ากันว่า ในสมัยโบราณมีสัตว์ป่าที่ดุร้ายและน่ากลัวมากตัวหนึ่งชื่อว่า “เหนียน” มันชอบออกอาละวาดกินคนเป็นประจำจึงถูกพระเจ้าลงโทษให้มันลงมาจากเขาได้เพียงหนึ่งครั้งใน 365 วัน ดังนั้นพอถึงวันสิ้นปีของทุกปี ผู้คนในหมู่บ้านบนภูเขาจึงต้องซ่อนตัวไม่ให้มันเห็น 

ต่อมาพบว่าเหนียนมีจุดอ่อนหลายอย่าง กล่าวคือ มีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อเหนียนมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังหวดแส้เล่นกัน เหนียนได้ยินเสียงแส้ดังเปรี้ยงปร้างก็ตกใจวิ่งหนีไป เมื่อเหนียนไปถึงหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง เห็นมีชุดเสื้อผ้าสีแดงตากอยู่หน้าบ้านของครอบครัวหนึ่งก็ตกใจและเผ่นหนีไปอีกเนื่องจากกลัวสีที่แดงฉูดฉาดของเสื้อผ้า 

และเมื่อเหนียนมาถึงหมู่บ้านแห่งที่สาม ปรากฏว่าไปพบเห็นกองเพลิงกองหนึ่งบนถนน แสงเพลิงที่เจิดจ้าทำให้เหนียนต้องเผ่นหนีไปอีก ตั้งแต่นั้นมาผู้คนจึงกำจัดเหนียนด้วยวิธีเหล่านี้มาโดยตลอด นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้วันตรุษจีน ผู้คนนิยมจุดประทัด และสวมใส่เสื้อผ้าสีแดงกัน

8 เรื่องสุดปัง ทำแล้วเฮง ต้อนรับ ตรุษจีน ปี 2020

1. ตรุษจีนทั้งทีงานนี้ต้องไหว้ให้ครบ

วันซาจั๊บช่วงเช้าหลังจากไหว้เจ้าในบ้านซึ่งก็คือ “ตี่จูเอี๊ยะ” และไหว้บรรพบุรุษแล้ว ในตอนเที่ยงจึงไหว้ผีไม่มีญาติ ซึ่งของไหว้จะมีทั้งของคาว-หวาน รวมทั้งเป็ด-ไก่ มากหรือน้อยแล้วแต่ฐานะของผู้ไหว้ โดยจะมีเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร เกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติพกไปด้วย นอกจากนี้ยังต้องจุดขี้ไต้ 2 ชิ้นไว้ด้วย เมื่อไหว้เสร็จจะจุดประทัด จากนั้นจะโปรยข้าวสารผสมเกลือเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป

2. ตรุษจีนนี้ต้องกินเกี๊ยวส่งท้ายปี

ความสำคัญอีกประการของตรุษจีน คือเป็นวันรวมญาติ โดยทุกคนจะเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวในวันซาจั๊บเพื่อเป็นมื้อสุดท้ายก่อนขึ้นปีใหม่ และที่ต้องเป็น “เกี๊ยว” ก็เพราะลักษณะของเกี๊ยวที่เหมือนกับ “เงิน” ของจีน ให้ความหมายว่า ให้มั่งมีเงินทอง

3. ตรุษจีน งานกินเจต้องมา

ส่วนในวันชิวอิก คนจีนจะกินเจมื้อแรกของปี เนื่องจากเชื่อกันว่าการกินเจตั้งแต่ต้นปีแบบนี้จะได้บุญเหมือนกับว่าคุณได้กินเจมาตลอดทั้งปี

4. ทำพิธีรับ “ไช่ซิงเอี้ย”

“ไช่ซิงเอี้ย” เรียกได้ว่าเป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ หรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภของคนจีนเลยก็ว่าได้ โดยส่วนใหญ่จะทำพิธีระหว่างหลังเที่ยงคืนของวันซาจั๊บจนถึงก่อนตี 1 เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนวันใหม่จะมาถึง

5. ติด “ตุ๊ยเลี้ยง” หรือคำอวยพรปีใหม่

ในอดีตคนจีนที่พอมีความรู้จะเขียน “ตุ๊ยเลี้ยง” เอง โดยใช้หมึกดำหรือสีทองเขียนคำอวยพรลงบนกระดาษสีแดง แต่ถ้าไม่มีความรู้ก็จะไปจ้างมืออาชีพเขียนให้ โดยคำอวยพรที่เขียนจะประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน ส่วนมากจะอวยพรให้ทำมาค้าขึ้น มั่งมีเงินทอง ติดตามสองข้างประตูบ้าน และมีอีกแผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก เขียนคำว่า “ชุก ยิบ เผ่ง อัง” แปลว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย รวมทั้งติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า “หนี่อ่วย” ซึ่งเป็นภาพมงคลของจีน

6.ใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส

อย่างที่เราได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่า คนจีนนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดงในวันตรุษจีนเพื่อขับไล่ตัวเหนียน นอกจากนี้เองชาวจีนก็ยังมีความเชื่ออีกว่าการสวมใส่เสื้อผ้าสีฉูดฉาดจะทำให้ชีวิตสดใสราบรื่นไปตลอดปี

7.ส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่

ตามประเพณีของชาวจีนในวันชิวอิก ทุกคนจะนำส้ม 4 ผล ไปกราบขอพรผู้ใหญ่ ซึ่งเจ้าของบ้านนั้นก็จะต้องรับส้มมา 2 ผล และนำส้มที่ตัวเองเตรียมไว้วางคืนลง 2 ผล พร้อมกับเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้ 1 พาน และสมอจีนไว้รับแขกที่มาอวยพรด้วย

8.รับอั่งเปา

ในวันตรุษจีนนี้ เด็ก ๆ จะได้รับซองสีแดง ๆ จากญาติผู้ใหญ่ จะเรียกว่า “อั่งเปา” หรือ “แต๊ะเอีย” ก็ได้ เพื่ออวยพรให้เด็ก ๆ เจริญเติบโตแข็งแรง มีโชคลาภ แต่ผู้น้อยก็ยังสามารถมอบอั่งเปาให้ผู้อาวุโสกว่าได้เช่นกัน โดยการมอบอั่งเปาให้ผู้อาวุโสกว่า หมายถึง การอวยพรให้ผู้ใหญ่มีสุขภาพดี แข็งแรง อายุยืนยาว

และนี่ก็คือสาระดี ๆ ที่ HSEM MOTOR นำมาฝากคุณผู้อ่านในวันนี้ ใครที่อยากให้ชีวิตรุ่ง งานปัง รับเงินตลอดปี 2020 ลองทำตาม 8 ข้อนี้ในวันตรุษจีนได้เลย!

เขาคิชฌกูฏ

9 เรื่องต้องรู้! ก่อนขึ้น เขาคิชฌกูฏ ปี 2020

เข้าสู่ปี 2020 แล้วทั้งที งานนี้ต้องเอาฤกษ์เอาชัยด้วยการเดินทางขึ้น เขาคิชฌกูฏ เพื่อไปนมัสการรอยพระพุทธบาทบนเขาคิชฌกูฏ งานนี้ใครที่พลาดการขึ้นเขาคิชฌกูฏในปี 2019 นี้ไม่ต้องเสียใจไป รีบมาอ่านบทความนี้เพื่อเตรียมตัวไปคิชฌกูฏกันดีกว่า!

“เขาคิชฌกูฏ” สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตสำหรับสายธรรมะ

เขาคิชฌกูฏ หรือ อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ตั้งอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี ดินแดนแห่งสวนผลไม้ โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ได้แก่ น้ำตกกระทิง, น้ำตกคลองช้างเซ และ ยอดเขาพระบาท แต่สถานที่ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษก็คือการนมัสการ “รอยพระบาทเขาคิชฌกูฏ” หรือ “พระบาทพลวง” นั่นเอง

โดยพระบาทพลวงนี้เป็นรอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่ กว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร อยู่บนยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเล  1,000 เมตร ห่างจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 40 กิโลเมตร และเป็นรอยพระพุทธบาทที่สูงที่สุดของประเทศไทย 

ทำให้ประชาชนมักจะนิยมเดินทางไปนมัสการพระบาทพลวงเพื่อเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง ยิ่งในช่วงเทศกาลตรุษจีนถึงช่วงวันมาฆบูชาของทุกปี จะมีประชาชนขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาททั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งในแต่ละปีจะมีประชาชนมากมายจากทั่วทุกสารทิศเดินทางไปนมัสการรอยพระพุทธบาท 

เดินทางขึ้น เขาคิชฌกูฏ ทั้งที 9 เรื่องนี้ควรรู้ 

1. ความตั้งใจจริง

การเดินทางมากราบไหว้บูชารอยพระพุทธบาทนั้นจิตใจของคุณจะต้องตั้งมั่น แน่วแน่ว่าคุณมาเพื่อทำอะไร อย่าได้ไขว้เขวมัวแต่ถ่ายรูปลงโซเชียลเด็ดขาด 

2. รักษากาย วาจา ใจ ให้ผ่องใส

นอกจากจิตใจที่แน่วแน่ว่าคุณจะมานมัสการรอยพระพุทธบาทแล้ว ขณะขึ้นมาบนเขาต้องรักษากาย วาจา ใจ ให้บริสุทธิ์ผ่องใส อย่าพูดหรือทำอะไรให้เป็นการลบหลู่ ไม่เคารพสิ่งศักดิ์ที่นั่นเด็ดขาด

3. ให้ความสำคัญกับ “รอยพระพุทธบาท” บน เขาคิชฌกูฏ

เมื่อมาถึงจุดลานพระบาทสิ่งแรกที่ต้องเข้ากราบไหว้บูชาก่อนที่จะขึ้นไปด้านบนก็คือ “รอยพระพุทธบาท” เพราะรอยพระพุทธบาทถือว่าเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญที่สุด ถ้ามาแล้วไม่ได้กราบรอยพระพุทธบาท ถือว่ามาไม่ถึง

4. ให้ความเคารพอย่างเคร่งครัด

ขณะเข้าลานพระบาทจะต้องถอดหมวก ถอดรองเท้า ลดสัมภาระที่สะพายบนบ่าลง และสวมเสื้อผ้าที่สุภาพเรียบร้อย เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่สถานที่ ให้ความเคารพ ศรัทธาแก่ลานพระบาท

5. เตรียมเครื่องสักการะให้พร้อม 

เนื่องจากบริเวณที่เขาคิชฌกูฏไม่อนุญาตให้มีการค้าขายอะไรบนนั้น ใครที่จะไปนมัสการรอยพระพุทธบาทจึงต้องเตรียมมาให้พร้อมจากที่บ้าน

6. การกราบไหว้บูชาเรื่องที่ห้ามละเลยหากจะมาที่ เขาคิชฌกูฏ

เมื่อเข้าไปแล้วควรกราบไหว้บูชาให้ได้อย่างน้อย 3 ครั้ง เพื่อให้ถูกต้องตามหลัก ได้รับสิริมงคล โดยเวลากราบให้ตั้งจิตระลึกว่าพระพุทธเจ้าประทับอยู่จริง ๆ แล้วกราบให้ได้ 3 ครั้ง

7. ไม่ทิ้งขยะ

เพราะการทิ้งเศษถุง เศษกระดาษที่ห่อแผ่นทอง จะทำให้ลานพระบาทสกปรก ดูไม่สะอาด จากที่มาเพื่อเพิ่มบุญก็จะกลายเป็นมาเพื่อเพิ่มบาปได้ไม่รู้ตัวเพราะความมักง่ายของตนเอง นอกจากไม่ทิ้งเศษผงเศษขยะแล้ว หากพบมีเศษผงเศษขยะที่คนอื่นทำตกหล่นไว้ ให้เก็บและนำไปทิ้งในจุดที่ใส่ขยะ เพื่อจะได้ถวายการดูแลรักษาความสะอาด 

8. อย่าละโมภ โลภมาก

การขอพรควรขอเพียงสิ่งเดียว อย่าขอมากเกินไปจนกลายเป็นการขอแบบโลภมาก เช่น ขอให้รวยเป็นเศรษฐี ดังนั้นคุณจึงควรขอในสิ่งที่เหมาะสม และขอสิ่งสำคัญในชีวิตสักหนึ่งอย่าง 

9. กองทัพต้องเดินด้วยท้อง

อย่างที่เราเคยบอกไปเบื้องต้นว่าที่เขาคิชฌกูฏไม่อนุญาตให้ขายของ แน่นอนว่ารวมถึงอาหารการกินด้วย ดังนั้นใครที่จะมานมัสการรอยพระพุทธบาทจึงต้องเตรียมอาหารและน้ำดื่มไปเอง

และนี่ก็คือ 9 ข้อ ที่คุณผู้อ่านควรทราบก่อนขับรถเดินทางมานมัสการพระพุทธบาทพลวง โดยในปี 2563 นี้ได้มีการประกาศกำหนดการสำหรับการเปิดขึ้นนมัสการรอยพระพุทธบาทบนเขาคิชฌกูฏเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า จะเปิดให้ขึ้นเขาตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม – 24 มีนาคม 2563 โดยจะมีพิธีบวงสรวงก่อนเริ่มเปิดให้ขึ้นเขาในวันที่ 23 มกราคม 2563 งานนี้ใครที่จะขับรถไปนมัสการพระพุทธบาทพลวง HSEM MOTOR ก็ขอให้ทุกคนขับขี่อย่างระมัดระวัง ใส่ใจเพื่อนร่วมทางทุกคันด้วยนะเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง

ภัทรพัฒน์

“ยิ่งให้ … ยิ่งได้” มอบรถโมบายร้านภัทรพัฒน์ แด่มูลนิธิชัยพัฒนา

โครงการ “ยิ่งให้ … ยิ่งได้” ก้าวสู่ปีที่ 2 ด้วยความตั้ง ใจจริงที่จะมอบความรู้สึกดี ๆ ความขอบคุณ และเป็นกำลังใจ ส่งคืนให้กับสังคมไทยและผู้คนรอบข้างในรูปแบบต่าง ๆ ภายใต้ความเชื่อมัน่ และศรัทธา ว่าการให้ย่อมจะได้รับสิ่งคืนกลับมาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งอย่างแน่นอน

โดยในปี 2562 โครงการฯ ได้ทำงานร่วมกับทีมวิศวกรและทีมออกแบบจากบริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด นำรถไฟฟ้าเอนกประสงค์ เอช เซม รุ่น E- Food Cart (อี-ฟู้ด คาร์ท) มาผลิตเป็นรถโมบาย พร้อมเพิ่มเติมอุปกรณ์ที่เหมาะสมและลงตัวกับผลิตภัณฑ์และตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งานของร้านภัทรพัฒน์

มอบแด่มูลนิธิชัยพัฒนา จำนวน 1 คัน รถไฟฟ้าเอนกประสงค์รุ่น E- Food Cart (อี-ฟู้ด คาร์ท) นี้ มีขนาด 1.5×4.5×2.15 เมตร มาพร้อมพลังของแบตเตอรี่แบบเจลขนาด 8 โวลท์ 180 แอม จำนวน 6 ลูก สามารถผลิตพลังงานได้ 48 โวลท์ 180 แอม ความเร็วในการขับขี่ได้สูงสุด 25 กิโลเมตรต่อชัว่ โมง ใช้เวลาชาร์จไฟ 5-6 ชัว่ โมง

สามารถวิ่งได้ 40-50 กิโลเมตร ซึ่งระยะทางในการใช้งานต่อการชาร์จหนึ่งครัง้ จะเปลี่ยนแปลงตามความเร็วในการขับขี่ จากการคำนวนค่าไฟฟ้าจะอยู่ที่ 30-50 บาทต่อการชาร์จหนึ่งครัง้ และรถสามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้ถึง 500 กิโลกรัม

คุณวันชัย ลี้นะวัฒนา ประธาน โครงการ “ยิ่งให้ … ยิ่งได้” กล่าวว่า “ผมรู้สึกภาคภูมิใจและปลื้ม ใจที่ได้มีส่วนช่วยสนับสนุนกิจกรรมร้านภัทรพัฒน์ของมูลนิธิชัยพัฒนา และหากมีการสนับสนุนในส่วนอื่น ๆ ที่โครงการฯ สามารถสนับสนุนได้ ผมมีความยินดีและตั้ง ใจที่จะทำอย่างเต็มที่”

เทคโนโลยี

ส่อง 9 เทคโนโลยี รถยนต์สุดล้ำ! ตอบโจทย์โลกอนาคต 2020

“รถยนต์” เทคโนโลยี ยานพาหนะทางบกที่ผลิตขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ปัญหาการคมนาคมในอดีต ทำให้เกิดความสะดวกสบายในการเดินทาง จากที่เมื่อก่อนเราต้องนั่งรถเกวียน ขี่ม้า ขี่ช้าง และพายเรือหลายวันกว่าจะถึงที่หมาย เพียงแค่ใช้รถยนต์ก็สามารถย่นระยะเวลาไปได้มาก เรียกได้ว่ารถยนต์นั้นได้เปลี่ยนแนวทางการดำเนินชีวิตของเราไปอย่างสิ้นเชิง วันนี้ H SEM จึงไม่รอช้า ขอพาคุณผู้อ่านไปส่อง 9 นวัตกรรมยานยนต์สุดล้ำ งานนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน!

เช็คลิสต์ 9 เทคโนโลยี รถยนต์สุดล้ำ 

1. เทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ (AUTONOMOUS VEHICLE)

ในอดีตหลายคนคงได้ยินเกี่ยวกับนวัตกรรมยานยนต์นี้ว่าในอนาคตข้างหน้าจะมีรถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งในปี 2018 ที่ผ่านมานวัตกรรมยานยนต์นี้เริ่มมีให้ใช้บริการกันบ้างแล้วในบริษัทรถยนต์ชั้นนำของโลกหลายแห่ง อย่าง Tesla เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เช่น Google, Apple, Uber, Baidu, Intel ต่างก็เข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดนี้เช่นกัน เชื่อเถอะว่าหากเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับเสถียรขึ้นเมื่อไหร่ คุณจะได้เห็นเทคโนโลยีนี้ในไทยแบบเต็ม 2 ตาแน่นอน

2. ระบบแทรกแซงผู้ขับ (DRIVER OVERRIDE SYSTEMS)

นวัตกรรมยานยนต์นี้มีความพิเศษอยู่ตรงที่ มันสามารถทำงานได้แม้ว่าคุณจะกำลังควบคุมรถอยู่ ด้วยเทคโนโลยีเซนเซอร์และระบบประมวลผลที่รวดเร็ว รถยนต์จึงสามารถทำงานสวนทางกับสิ่งที่คุณสั่งได้ อาทิ รถยนต์จะเลี่ยงสิ่งที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุด้วยการจัดการเบรคอัตโนมัติ แม้ว่าคุณจะเหยียบคันเร่งให้มันพุ่งเข้าชนอะไรสักอย่างก็ตาม แน่นอนว่าระบบเทคโนโลยีนี้ถูกนำมาใช้ในรถยนต์รุ่นใหม่กันบ้างแล้ว แต่ยังไม่เสถียรนักต้องพัฒนากันต่อไป

3. ระบบเทคโนโลยีชีวมาตร หรือระบบไบโอเมทริค (BIOMETRIC)

นวัตกรรมยานยนต์ที่ดึงเอาข้อมูลเชิงชีวภาพที่วัดค่าได้ของผู้ขับมาใช้ในการประเมินและวิเคราะห์ เพื่อความสะดวกสบายในการใช้รถยนต์ ยกตัวอย่างเช่น จากที่เมื่อก่อนต้องไขกุญแจเพื่อสตาร์ทรถยนต์ ในอนาคตข้างหน้าอาจใช้เพียงลายนิ้วมือของคุณในการสั่งงาน ซึ่งไม่ต่างไปจากการปลดล็อคสมาร์ทโฟนในปัจจุบันเลย และหากรถยนต์คันนั้นมีผู้ใช้งานหลายคน ลายมือของแต่ละคนจะเป็นตัวระบุให้การปรับค่าต่าง ๆ ของรถเป็นไปตามขนาดร่างกาย บุคลิกภาพ และรสนิยมของผู้ขับขี่แต่ละคนโดยอัตโนมัติ เสมือนเป็นรถของคุณคนเดียว

4. ระบบติดตามรถยนต์สมบูรณ์แบบ (COMPREHENSIVE VEHICLE TRACKING)

สำหรับเทคโนโลยีนี้เริ่มมีบ้างแล้วในต่างประเทศ โดยเริ่มจากแนวคิดการเก็บค่าประกันภัยรถยนต์จากข้อมูลการขับขี่ของผู้ขับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระยะทาง ความเร็วที่ใช้ สถานที่ที่จอดประจำ จากนั้นจึงส่งสัญญาณข้อมูลกลับเข้ามาเพื่อประเมินผลโดยอัตโนมัติ คล้ายกับระบบที่มีอยู่ในรถบรรทุก หรือรถสาธารณะในปัจจุบันเพื่อประเมินความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ดีผู้ขับขี่จะต้องยินยอมมอบข้อมูลส่วนตัวเหล่านี้ให้ก่อนเพื่อแลกกับส่วนลดค่าเบี้ยประกัน 

5. ระบบกระจกหน้าแบบแอคทีฟ (ACTIVE WINDOW DISPLAY)

นวัตกรรมยานยนต์นี้พัฒนามาจากเทคโนโลยีเอชยูดี หรือ เฮด-อัพ ดิสเพลย์ (HUD: HEAD-UP DISPLAY) จากเดิมที่เป็นเพียงการแสดงผลสีเขียวจาง ๆ ฉายเพียงข้อมูลความเร็ว หรือลูกศรนำทาง ขนาดเล็กบนกระจกบังลมหน้ารถ ปัจจุบันเริ่มมีสีสันสดใส หลากสีมากขึ้น และคาดการณ์ว่าในยุคต่อไป การมองภาพผ่านกระจกบังลมหน้ารถ จะเป็นภาพซ้อนภาพซ้อนเสมือนจริง (AUGMENTED REALITY) เราจะสามารถเห็นภาพของระบบนำทาง หรือข้อมูลที่น่าสนใจบนกระจกหน้ารถในแบบ 3 มิติเต็มรูปแบบ  ทำให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่มากขึ้น

6. ระบบตัดการทำงานจากระยะไกล (REMOTE VEHICLE SHUT DOWN)

สำหรับเทคโนโลยีการสั่งให้ดับเครื่องรถยนต์จากระยะไกลเป็นเรื่องจริงมาสักพักแล้ว โดยมีอยู่ในระบบ ออนสตาร์ (ONSTAR) ของรถยนต์ในเครือ จีเอม ที่ทำงานผ่านโครงข่ายข้อมูลไร้สายแบบ 4 จี ร่วมกับดาวเทียมจีพีเอสในปัจจุบัน โดยระบบออนสตาร์จะติดตามข้อมูลของรถยนต์ในเครือข่ายอยู่ตลอดเวลา หากพบว่ารถยนต์เกิดอุบัติเหตุ อาทิ ถุงลมนิรภัยเกิดการปะทุ ก็จะจัดส่งทีมช่วยเหลือไปในทันที 

นอกจากนั้นยังช่วยในการระบุตำแหน่งของรถหากเกิดการโจรกรรม และหากมีการแจ้งเหตุจากเจ้าหน้าที่ ก็สามารถสั่งการดับเครื่องรถยนต์ที่หลบหนีได้ทันที ช่วยลดอุบัติเหตุจากการไล่ล่าด้วยความเร็วสูงได้ เชื่อกันว่าระบบดังกล่าวนี้จะได้รับการผลักดันให้เป็นมาตรฐานของรถยนต์ในยุคต่อไปอย่างแน่นอน 

7. ระบบตรวจวัดสุขภาพของผู้ขับ (ACTIVE HEALTH MONITORING)

แนวคิดนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอุปกรณ์ตรวจจับการทำงานของร่างกาย อาทิ สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ ริเริ่มโดยบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ คัมพานี ด้วยการติดตั้งเซนเซอร์ตรวจจับการทำงานของหัวใจเข้าที่สายเข็มขัดนิรภัย พวงมาลัย หรือบนเบาะนั่งเพื่อตรวจจับสัญญาณชีพของผู้ขับ และส่งข้อมูลกลับไปยังศูนย์ข้อมูล หากพบว่าผู้ขับมีอาการเหนื่อยรุนแรงหรือหัวใจวาย ระบบควบคุมอัตโนมัติก็จะเข้ามาแทรกแซง  นำรถเข้าสู่ที่จอดพร้อมกับส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปยังโรงพยาบาลทันทีเพื่อความปลอดภัย

8. เทคโนโลยีเครื่องยนต์ 4 สูบ สำหรับซุปเปอร์คาร์ (FOUR-CYLINDER SUPERCAR)

เริ่มจากฟอร์ด และ ฮอนดา นำเสนอเครื่องยนต์แบบ วี 6 สูบ ในรถยนต์รุ่นจีที และ เอนเอสเอกซ์ ซึ่งแม้จะมีขนาดเล็กแต่เมื่อทำงานร่วมกับเทอร์โบและมอเตอร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มีประสิทธภาพสูง ทำให้มีสมรรถนะล้ำกว่ารถยนต์เครื่องใหญ่หลายคัน ก่อนที่จะเปลี่ยนถ่ายไปสู่ยุครถพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ เชื่อว่าเราจะได้เห็นซุปเปอร์คาร์เครื่องยนต์ 4 สูบ ความจุต่ำกว่า 2.0 ลิตร ที่สามารถทำความเร็วระดับ 300 กม./ชม. แน่นอน

9. นักการตลาดบุกเข้ามาในรถของคุณ (PERSONALIZED IN-CAR MARKETING)

ในอนาคตข้างหน้าเมื่อเรา “ล็อคอิน” เข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตผ่านรถของเราทางระบบไบโอเมตริก และตลอดเส้นทางที่เราขับไป หากมีเหตุการณ์ หรือเรื่องราวที่เราสนใจ อาทิ มีงานเซลล์ ระบบก็จะนำเสนอข้อมูลเหล่านั้นให้เราได้ทราบในทันทีผ่านทางจอภาพแอคทีฟ

และนี่ก็คือสาระดี ๆ ที่ H SEM นำมาฝากคุณอ่านในวันนี้ ในอนาคตข้างหน้าเราอาจได้เห็น 9 เทคโนโลยีนี้แน่นอนไม่นานเกินรอ! 

ปีหมูทอง

เอช เซม มอเตอร์ ปิดปีหมูทอง ฉลุย เพิ่มตัวแทนจำหน่ายพร้อมลุย!

เอช เซม มอเตอร์ รุกตลาดท่องเที่ยว ลุยเปิดสาขาตัวแทนจำหน่ายทั้งเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ พร้อมเพิ่มความหลากหลายให้บริการลูกค้าได้เลือกเต็มที่ทั้งรถใหม่และรถใช้แล้วอย่างครบวงจร ตลอดจนรับเทิร์นรถเก่าในราคาสูงอีกด้วย

เอช เซม มอเตอร์ เพิ่มตัวแทนจำหน่ายพร้อมลุย!

นายวันชัย ลี้นะวัฒนา กรรมการผู้จัดการ H SEM MOTOR บริษัทที่ผลิตและจำหน่ายรถกอล์ฟไฟฟ้ารถสามล้อไฟฟ้า และรถสามล้อเครื่องยนต์เอนกประสงค์ เปิดเผยว่าตั้งแต่ปี 2561 บริษัทฯตัดสินใจให้ตัวแทนจำหน่ายที่ผ่านการคัดสรรสามารถจำหน่ายรถกอล์ฟไฟฟ้าได้

โดยประเดิมเริ่มที่สาขาจังหวัดเชียงราย และในปีนี้เปิดเพิ่มอีก 2 ราย ในอำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรีและอำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อรองรับการขยายตัวของการใช้งานและการบริการหลังการขายให้กับลูกค้าได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ในส่วนของดีลเลอร์รถสามล้อไฟฟ้านั้น ณ ปัจจุบัน เรามีอยู่ทั้งสิ้น 50 รายทั่วประเทศ

ด้านรูปแบบการให้บริการ เราเพิ่มความหลากหลายเพื่อตอบโจทย์ทุกการใช้งานและลงตัวกับทุกงบประมาณ อาทิ การเช่าดำเนินการ หรือ Operation Leasing สามารถเช่าได้ตั้งแต่ 1-5 ปี พร้อมบริการตรวจเช็ค ณ พื้นที่ใช้งานจริง รับประกันแบตเตอรี่ มอเตอร์ และ ยาง ตลอดอายุการใช้งาน เริ่มต้นเดือนละ 3,000 บาท และเมื่อครบสัญญาสามารถเลือกว่าจะซื้อเป็นเจ้าของหรือไม่ก็ได้ เหมาะสำหรับลูกค้านิติบุคคล กลุ่มบริษัท โรงงาน หรือโรงแรม เป็นต้น

อีกรูปแบบของการบริการคือ การเช่าซื้อ สามารถเป็นเจ้าของได้แบบสบายๆ ผ่อนนานสูงสุดถึง 5 ปี พร้อมบริการตรวจเช็ค ณ พื้นที่ใช้งานจริงและรับประกันมอเตอร์ 5 ปี ส่วนการเช่ารายเดือนและเช่ารายวัน เหมาะสำหรับกิจการที่ไม่จำเป็นต้องใช้รถในพื้นที่ตลอดเวลา แต่จะใช้ในบางช่วงของปี หรือผู้จัดงานอีเว้นท์ต่างๆ สามารถเลือกแบบเช่าแบบรายวัน เพื่อประสิทธิภาพในการบริหารเรื่องค่าใช้จ่าย

และสำหรับรถกอล์ฟเก่าทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ สามารถเปลี่ยนเป็นรถกอล์ฟใหม่ได้ ในทุกรูปแบบการซื้อและการเช่า ด้วยโครงการ “H SEM Trade-in” ช่วยให้ผู้ประกอบการหมดภาระเรื่องค่าใช้จ่ายในการดูแลและหาสถานที่จัดเก็บ นอกจากนั้นหากต้องการเป็นเจ้าของรถกอล์ฟมือสอง บริษัทฯ ก็มีให้บริการเช่นกัน

และในปีหน้า 2563 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าสรรหาพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพและเข้าใจหลักการของงานบริการหลังการขายแบบ onsite services หรือการออกไปบริการ ณ พื้นที่ใช้งานจริงของลูกค้า เพื่อมาร่วมเป็นครอบครัวกับเรา ในขณะที่ทีมการตลาดจะสร้างสรรค์รูปแบบของการบริการเพื่อเพิ่มเติมให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่องต่อไป คุณวันชัยกล่าวทิ้งท้าย

ลูกค้าหรือผู้ที่สนใจต้องการข้อมูลผลิตภัณฑ์ หรือ ผู้ลงทุนที่สนใจเป็นตัวแทนจำหน่าย สามารถติดต่อมาได้ที่ สายด่วนลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 099-001-1888 ตั้งแต่วันจันทร์-วันศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30 – 17.30 น. หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ www.hsemmotor.com FB fanpage: Hsemmotor.sev และ Hsemmotor.stc

เกี่ยวกับ H SEM MOTOR

บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด (H SEM Motor Co., Ltd.) บริษัทในเครือ ฮั้วเฮงหลี กรุ๊ป ผู้ผลิตและจำหน่ายรถกอล์ฟไฟฟ้า เพื่อตอบโจทย์ให้กับลูกค้าทั้งในกลุ่มเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการใช้ระบบขนส่งขนาดเล็ก คล่องตัว ประหยัดพลังงาน และรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยระบบเครื่องยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ปล่อยมลพิษออกสู่อากาศ อีกทั้งราคาสามารถจับต้องได้

โดยบริษัทฯ ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2559 จากกลุ่มบริษัทในเครือ “ฮั้วเฮงหลี” ที่มีประสบการณ์มากกว่า 40 ปี เกี่ยวกับธุรกิจทางด้านเครื่องจักรกลทางการเกษตร ธุรกิจทางด้านยานยนต์และกลุ่มรถพลังงานไฟฟ้า

“นายวันชัย ลี้นะวัฒนา” ผู้บริหารบริษัทฯ ได้ดำเนินการต่อยอดทางธุรกิจ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะยกระดับฝีมือคนไทย รวมทั้งมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ และไม่หยุดนิ่งที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าในการพัฒนาการบริการ และการดูแลลูกค้าทุกท่านอย่างดีที่สุดด้วยใจติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hsemmotor.com

สังคมผู้สูงอายุ

จับตา 8 ธุรกิจมาแรง! ต้อนรับ สังคมผู้สูงอายุ ประจำปี 2020

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะสังเกตได้ว่าผู้คนเริ่มตื่นตัวกันมากขึ้นเกี่ยวกับกระแส สังคมผู้สูงอายุ เห็นได้จากปรากฎการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นที่ต่างประเทศ และประเทศไทยเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น งานนี้ HSEM MOTOR จึงไม่รอช้า ขอนำเสนอธุรกิจมาแรง รับสังคมผู้สูงอายุในปี 2020 รู้ก่อน ทำก่อน รวยก่อนแน่นอน! จะมีธุรกิจอะไรบ้าง เลื่อนไปอ่านข้อมูลได้ที่ข้างล่างนี้เลย

สถานการณ์ผู้สูงอายุในปี 2019 กับ การเคาท์ดาวน์สู่ สังคมผู้สูงอายุ!

ก่อนที่เราจะมาพูดถึงธุรกิจมาแรงต้อนรับ สังคมผู้สูงอายุ ในปี 2020 นี้ HSEM MOTOR ขอเกริ่นถึงสถานการณ์สังคมผู้สูงอายุในปัจจุบันกันก่อนเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน โดย “ผู้สูงอายุ” หรือ กลุ่มประชากรที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปี เป็นต้นไป เรียกได้ว่าเป็นประชากรกลุ่มเฉพาะกลุุ่มหนึ่งที่สุ่มเสี่ยงจะมีปัญหาด้านสุขภาพมากที่สุด ทำให้ต้องได้รับการดูแลด้วยกระบวนการพิเศษในการเข้าถึงการเสริมสร้างสุขภาพและสุขภาวะที่ดี

โดยพญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ขณะนี้ประเทศไทยกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุแล้ว เพราะมีสัดส่วนผู้สูงอายุ ร้อยละ 17 และจากสถิติข้อมูลของกรมอนามัยเองพบว่า

ผู้สูงอายุที่มีช่วงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปในประเทศไทย ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2019 มีจำนวน 11,030,287 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2017 ถึง 804,965 คน จากจำนวนผู้สูงอายุเพียง 10,225,322 คน เรียกได้ว่าตลอด 2 ปีที่ผ่านมาจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก 

ทำให้ประเทศไทยเริ่มมีมาตรการเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยขึ้น นับว่าเป็นสัญญานที่ดีในการรับมือสังคมผู้สูงอายุ โดยมาตรการนี้จะจัดให้มีการจัดหางานผู้สูงวัย (Smart Job Center) เพื่อส่งเสริมให้มีงานทำและมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทที่จ้างผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปและรายได้ไม่เกิน 15,000 บาท จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยตำแหน่งที่ต้องการผู้สูงอายุมากที่สุดคือ แรงงานด้านการผลิต พนักงานทั่วไป เจ้าหน้าที่สำนักงาน แรงงานประมง และพนักงานขายตามลำดับ

ธุรกิจมาแรง! รับสังคมผู้สูงอายุ ปี 2020

อย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้นว่า ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หรือ Aging Society เนื่องจากในปัจจุบันอัตราการเกิดของเด็กในประเทศลดลง สวนทางกับจำนวนประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น โดยมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย ประเมินว่า ประเทศไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ ในปี พ.ศ. 2564 เท่ากับว่าอีกไม่นาน เราจะมีประชากรผู้สูงอายุเป็นสัดส่วนหลักของประเทศ นี่จึงเป็นโอกาสอันดีที่คุณจะทำธุรกิจที่ตอบโจทย์ ตรงใจผู้สูงอายุ ว่าแต่งานนี้จะมีธุรกิจอะไรบ้าง มาดูกันเลยดีกว่า!

1. ที่ปรึกษาวางแผนทางการเงินหลังเกษียณ

เชื่อเหลือเกินว่าสิ่งที่ผู้สูงอายุกังวลมากที่สุดอันดับต้น ๆ ก็คือ ฐานะทางการเงินหลังเกษียณอายุ เนื่องจากภายหลังการเกษียณอายุนั้นเหล่าผู้สูงอายุก็จะไม่มีรายรับจากงานประจำอีกต่อไป มีแต่รายจ่ายเท่านั้น ซึ่งเงินเก็บที่มีก็ไม่รู้ว่าจะพอใช้หรือเปล่า เนื่องจากช่วงที่อยู่ในวัยทำงานยังไม่เห็นถึงความสำคัญในการวางแผนการเงินสักเท่าไหร่

นี่จึงเป็นโอกาสของธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงิน เพราะค่าอายุเฉลี่ยของคนไทยนั้นมีทิศทางสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีความเสี่ยงทางการเงินหลังเกษียณอายุเพิ่มขึ้นตามไปด้วย หลายคนจึงเลือกใช้นักการเงินมืออาชีพมาช่วยลดความเสี่ยงนี้ออกไป

2. ประกันภัยเพื่อสังคมผู้สูงอายุ

แม้ว่าธุรกิจประกันภัยจะเป็นธุรกิจที่อยู่ในสังคมไทยมาอย่างช้านาน แต่เชื่อเถอะว่าอาชีพนี้ยังไม่ถึงทางตัน เนื่องจากในปัจจุบันคนไทยเริ่มมองเห็นประโยชน์ของการทำประกันภัยมากขึ้น และวัยของผู้สูงอายุเองก็มีความเสี่ยงเรื่องสุขภาพอยู่แล้ว จะดีกว่าไหมหากเราพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสใช้ปัญหาประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำธุรกิจประกันภัย รับรองว่าธุรกิจนี้จะทำเงินให้คุณได้แน่นอน!

3. ฟิตเนสเทรนเนอร์เฉพาะทางสำหรับผู้สูงอายุ

แม้ว่าในปัจจุบันจะมีฟิตเนสเทรนเนอร์เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่ฟิตเนสเทรนเนอร์ที่เจาะตลาดผู้สูงอายุโดยเฉพาะนั้นแทบจะไม่มี จะดีกว่าไหมหากคุณลองพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ทำฟิตเนสเทรนเนอร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้สูงอายุเพื่อเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพ หากใครสามารถตอบสนองความต้องการจุดนี้ได้ รับรองว่าลูกค้าล้นหลามแน่นอน

4. ธุรกิจความงามเพื่อการชะลอวัย รับสังคมผู้สูงอายุ

จริงอยู่ที่คนเราเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น นอกจากปัญหาสุขภาพแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกของเราย่อมเปลียนแปลงไปด้วย แน่นอนว่าหลายคนก็คงไม่มีใครอยากจะดูแก่ ไม่สดใส ไม่อ่อนวัย นี่จึงเป็นโอกาสของธุรกิจความสวยความงามเพื่อผู้สูงอายุ  โดยในปัจจุบันเราจะเห็นว่ามีผู้ประกอบการหลายรายที่หันมาเจาะตลาดผู้สูงอายุโดยเฉพาะ โดยการนำเอาสมุนไพรมาผสานกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ ก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพใหม่ ๆ เพื่อช่วยในเรื่องชะลอวัย

5. ธุรกิจสัตว์เลี้ยงดูแลผู้สูงอายุ

อย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้นว่าปัจจัยที่ทำให้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุนั้น เป็นเพราะคนไทยนิยมอยู่คนเดียวกันมากขึ้น และแยกตัวออกไปอยู่แบบครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น ทำให้ผู้สูงอายุบางส่วน เมื่อถึงวัยเกษียณแล้วเกิดความรู้สึกเหงาขึ้นมาจากการที่ต้องใช้ชีวิตเพียงลำพัง การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยคลายเหงาแล้ว ยังช่วยสร้างความสุขให้แก่ผู้สูงอายุได้อีกด้วย 

นี่จึงเป็นคำตอบที่ทำให้เกิดธุรกิจสัตว์เลี้ยงขึ้นมามากมาย หากคุณสนใจทำธุรกิจนี้ HSEM MOTOR ขอแนะนำว่าให้มีการฝึกสัตว์เลี้ยงเพื่อดูแลผู้สูงอายุด้วย จะได้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในปี 2020

6. เฟอร์นิเจอร์สำหรับผู้สูงอายุ

เพราะสุขภาพร่างกายของผู้สูงอายุนั้นไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เพียงนอนผิดท่า หันผิดจังหวะ หรือใช้ที่นอน หมอนที่ไม่ถูกกับสรีระ ย่อมทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บได้ ดังนั้นการสร้างผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ภายในบ้านหรือเฟอร์นิเจอร์เพื่อรองรับความต้องการทางด้านกายภาพของผู้สูงอายุ จึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคนที่กำลังมองหาลู่ทางใหม่ ๆ ยิ่งถ้าบริษัทไหนสามารถรีโนเวทห้องและบ้านได้ด้วยยิ่งดีเข้าไปใหญ่ เพราะมันจะช่วยต่อยอดธุรกิจได้อีกมาก

7. อาหารเพื่อสุขภาพต้อนรับ สังคมผู้สูงอายุ

ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่ากลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารคลีน อาหารออร์แกนิก รวมทั้งวิตามิน อาหารเสริมต่าง ๆ เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงในหมู่ผู้สูงอายุ เพราะการดูแลสุขภาพเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากกับผู้สูงอายุ เนื่องจากร่างกายไม่ได้แข็งแรงเหมือนแต่ก่อน การเลือกบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการดูแลสุขภาพ ดังนั้นใครที่อยากจะเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ ๆ เราขอแนะนำเลยว่าอาชีพนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย

8. สถานดูแลผู้สูงอายุ

อย่างที่เราได้กล่าวไปเบื้องต้นว่าในปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว นอกจากเรื่องค่าใช้จ่ายหลังเกษียณที่ต้องมีการวางแผน คนโสดท่านใดที่ไม่ได้แต่งงานก็จะต้องหาสถานดูแลผู้สูงอายุกันเอาไว้แต่เนิ่น ๆ ด้วย 

โดยรูปแบบการดูแลสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ให้บริการผู้สูงอายุเข้ามาพักอาศัยในบ้าน หรืออาจจะเป็นอพาร์ตเมนต์ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ และเพิ่มการบริการด้านการแพทย์เข้ามา ตอบโจทย์อย่างมากกับผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวหรือมีอาการเจ็บป่วย ต้องไปพบแพทย์อยู่บ่อยครั้ง งานนี้ใครที่ไม่อยากพลาดธุรกิจทำเงิน HSEM MOTOR ว่าธุรกิจนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

และนี่ก็คือ 8 ธุรกิจมาแรง! รับสังคมผู้สูงอายุ ปี 2020 งานนี้ใครที่มองเห็นโอกาสและสนใจในธุรกิจไหน ก็อย่ารอช้า! รีบสร้างหนทางให้ตัวเองกันได้เลย อย่ามัวแต่กลัว ดังคำกล่าวที่ว่า “ความล้มเหลวที่น่ากลัวที่สุด คือ การกลัวที่จะเริ่มต้นเสียตั้งแต่แรก” (Leo Buscalia) ถ้ามัวแต่กลัวโอกาสก็จะยิ่งห่างไกลมากขึ้น ฉะนั้นคิดได้แล้วก็ลุย!

ผู้ว่าเพชรบุรี

เพชรบุรี กับ พลังงานสะอาด จาก เอช เซม มอเตอร์

นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี พร้อมหน่วยงานราชการและนักธุรกิจในจังหวัดเพชรบุรี ให้ความสนใจและร่วมทดสอบประสิทธิภาพรถกอล์ฟไฟฟ้าและรถสามล้อไฟฟ้าของบริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด ในกิจกรรม “SEV & STC” ตอบโจทย์ทุกธุรกิจ ลงตัวกับทุกการใช้งาน

โดยมี นายวันชัย ลี้นะวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด ให้การต้อนรับ ณ ลานจอดรถรีเจนซี่ วิง โรงแรม เดอะ รีเจ้นท์ ชะอำ บีช รีสอร์ท จังหวัดเพชรบุรี

อุบัติเหตุ

จริง หรือ โกหก! ฟังเพลงสนุกเกินไป เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุบนถนน

ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยจริง ๆ ว่า การฟังเพลงสนุกขณะขับรถเนี่ยนะ ทำให้เกิด “อุบัติเหตุ” ได้ วันนี้ HSEM MOTOR จึงไม่รอช้า! หาคำตอบมาให้คุณผู้อ่านเรียบร้อยแล้ว งานนี้การฟังเพลงสนุกเกินไปจะทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือไม่ เลื่อนลงไปอ่านสาระดี ๆ จากเราได้เลย!

ตอบคำถามที่หลายคนสงสัย ฟังเพลงสนุกเกินไปอาจเกิดอุบัติเหตุได้?

สำหรับใครที่กำลังสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ HSEM MOTOR ขอบอกเลยว่า การฟังเพลงสนุกมากเกินไปนั้น ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้จริง!

จากการศึกษาของนักวิจัยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเซาท์ไชน่า (South China University of Technology) พบว่า การฟังเพลงที่มีจังหวะเร็วมากกว่า 120bpm (ครั้งต่อนาที) มีแนวโน้มที่จะขับรถแย่ลง

โดยการทดสอบดังกล่าวได้ให้ผู้เข้าร่วมใช้เครื่องจำลองการขับรถ โดยเซตให้อยู่บนถนนมอเตอร์เวย์ 6 เลน ในระยะเวลา 20 นาที พร้อมเปิดเพลงประเภทหนึ่งไปด้วย และขับแบบขับเงียบ ๆ ไม่เปิดเพลง ผลปรากฏว่าคนขับรถจะเปลี่ยนเลนโดยเฉลี่ย 70 ครั้ง/ชั่วโมง แต่จะเพิ่มขึ้น 2 เท่าเป็น 140 ครั้ง/ชั่วโมง เมื่อเปิดเพลงร็อกที่มีจังหวะมัน ๆ แถมเพลงแนวนี้ยังทำให้คนขับรถเร็วขึ้นจากเดิมประมาณ 16 กิโลเมตร/ชั่วโมงอีกด้วย

สอดคล้องกับงานวิจัยโครงการมัลติมีเดียเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ขับขี่รถยนต์ของบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ที่พบว่า

“การขับขี่บนถนนแบบปกติต้องใช้พลังงานสมองมากถึง 85% เรียกได้ว่าสูงมากขาดอีก 15 % ก็จะครบขีดจำกัดการทำงานของสมองแล้ว นั่นจึงทำให้ขณะที่คุณกำลังขับรถไม่ควรจะทำอะไรเลย แม้กระทั่งการฟังเพลง เพราะเสียงเพลงอาจทำให้คุณหลุดโฟกัสจากการขับรถได้”

5 กิจกรรมที่ทำให้เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ

จริงอยู่ที่การฟังเพลงขณะขับรถนั้นอาจทำให้คุณหลุดโฟกัสกับการขับรถจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ แต่คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่า นอกจากการฟังเพลงแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นอีกที่ทำให้เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ งานนี้จะมีกิจกรรมอะไรบ้าง HSEM MOTOR หาคำตอบมาให้คุณแล้ว!

1. “โทรศัพท์มือถือ” ปัจจัยหลักของการเกิดอุบัติเหตุ

ไม่ว่าจะเป็นการคุยโทรศัพท์ ตอบแชทลูกค้า  หรือทำกิจกรรมอะไรก็ตามแต่ขณะขับรถ HSEM MOTOR ขอบอกเลยว่าสุ่มเสี่ยงเป็นอย่างมาก! เพราะพฤติกรรมดังกล่าวจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติถึง 4 เท่า เนื่องจากเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นปฏิกิริยาตอบสนองจะช้าลงกว่าปกติ 0.5 วินาที 

2. รับประทานอาหารบนรถ อิ่มท้องจริงแต่เสี่ยงเกิด “อุบัติเหตุ”

ด้วยไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ค่อนข้างเร่งรีบในปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าการพกอาหารขึ้นมารับประทานบนรถยนต์คือคำตอบที่ดีที่สุดในการประหยัดเวลา แต่คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าการทำแบบนี้มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะคุณต้องผละมือข้างหนึ่งมาหยิบจับอาหาร ใครที่ควบคุมพวงมาลัยได้ไม่ดี หรือเมื่อเกิดเหตุการณ์กระชั้นชิดขึ้นอาจควบคุมทิศทางรถไม่ได้ จนเลยเถิดไปสู่อุบัติเหตุบนท้องถนนได้

3. ให้เด็กนั่งตักขณะขับรถ อุบัติเหตุที่มีคุณเป็นจุดเริ่มต้น

สำหรับพ่อแม่บางท่านที่คิดว่าการให้ลูกนั่งตักขณะขับรถไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร HSEM MOTOR ขอบอกเลยว่า “ไม่จริง!” เพราะการมีเด็กมานั่งบนตักในขณะที่กำลังขับรถอยู่อาจจะทำให้ประสิทธิภาพการขับรถของคุณลดลงได้ เนื่องจากเด็กอาจเล่นพวงมาลัยหรือเกียร์ ทำให้คนขับสูญเสียสมาธิในการควบคุมรถ จนเกิดอุบัติเหตุขึ้น โดยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเด็กที่นั่งบนตักจะได้รับแรงกระแทกมากกว่า อาจเป็นอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้ ทางที่ดีควรให้เด็กนั่งบนคาร์ซีทจะปลอดภัยกับเด็กและตัวคุณมากกว่า

4. ดูโทรทัศน์ขณะขับรถไปด้วย เสี่ยงสมาธิหลุดจนเกิดอุบัติเหตุ

อย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้นว่า การขับรถนั้นใช้พลังงานสมองสูงถึง 80 % ดังนั้นการที่คุณผู้อ่านเปิดทีวีในรถเอาไว้ แม้ว่าจะไม่ได้ดู แต่แสง สี เสียง ที่ได้รับจากโทรทัศน์ย่อมรบกวน และทำให้สมาธิในการขับรถของคุณลดลงอยู่ดี 

5. แต่งหน้าขณะขับรถ เสี่ยงตายไม่รู้ตัว

“เป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวย” สำหรับคำกล่าวนี้ HSEM MOTOR อดเห็นด้วยไม่ได้จริง ๆ แต่คุณผู้อ่านรู้หรือไม่ว่าบางครั้ง ความสวยก็สามารถหยุดได้ถ้าคุณกำลังขับรถอยู่ เพราะการแต่งหน้าขณะขับรถนั้น อาจทำให้คุณเสียสมาธิจนเกิดอุบัติเหตุได้ เพราะการแต่งหน้าบนรถ จะทำให้ความสนใจของเราไปจดจ่ออยู่กับกระจกแทน จนอาจลืมไปว่ากำลังขับรถอยู่

อย่างที่เราได้บอกไปข้างต้นว่า การขับรถยนต์นั้นใช้พลังงานสมองสูงถึง 80 % เมื่อคุณแบ่งพลังงานสมองไปทำกิจกรรมอื่นเพียงครู่เดียวก็อาจทำให้ปฏิกิริยาการตอบสนองของคุณช้าลงจนทำให้เกิดอุบัติเหตุได้!

รัชการที่-9

วันหยุดนี้ต้องไป! กับ 9 ที่เที่ยวตามรอย โครงการพระราชดำริ รัชการที่ 9


วันหยุดสำคัญทั้งที แบบนี้ต้องออกไปเที่ยว กับ 9 สถานที่ตามรอย โครงการพระราชดำริ ของในหลวงรัชการที่ 9 งานนี้แต่ละ สถานที่ท่องเที่ยวจะมีความโดดเด่นและสวยงามขนาดไหน ใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวแบบใหม่ ๆ ไม่ควรพลาด!

9 สถานที่ท่องเที่ยวตามรอย โครงการพระราชดำริ รัชการที่ 9

1. “โครงการพระราชดำริปางตอง 2” (ปางอุ๋ง)

ตั้งอยู่ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยในอดีตปางอุ๋งเป็นหนึ่งในพื้นที่สีแดง เนื่องจากอยู่ติดแนวชายแดนพม่า ทำให้มีการขนส่งยาเสพติด ปลูกพืชเสพติด และบุกรุกพื้นที่ตัดไม้ทำลายป่า ทำให้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชดำริรวบรวมราษฎรบริเวณพื้นที่นี้ และพัฒนาความเป็นอยู่ สร้างอ่างเก็บน้ำ ฟื้นฟูธรรมชาติอย่างยั่งยืน 

ทำให้ปางอุ๋ง ณ เวลานี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ที่คนไทยจะต้องไปให้ได้สักครั้ง ว่ากันว่าที่นี่สวยจนถูกยกให้เป็น “สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย” เลยก็ว่าได้ นอกจากวิวสวย ๆ น่าประทับใจที่นี่ยังมีกิจกรรมให้ทำมากมาย อาทิ การชมพระอาทิตย์ขึ้น ล่องแพท่ามกลางสายหมอกเย็น ๆ เพื่อศึกษาธรรมชาติ 2 ข้างทาง เป็นต้น ไฮไลท์สำคัญที่ห้ามพลาดก็คือ หงส์สีขาวและสีดำที่ออกมาโชว์ตัวคู่กันให้ได้ชมอยู่เสมอ 

2. โครงการพระราชดำริชั่งหัวมัน

สำหรับโครงการนี้เกิดขึ้นจากความเอาพระทัยใส่ของพระองค์ ที่ทรงมีต่อเกษตรกรในการที่จะพัฒนาส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรมให้ประสบความสำเร็จ เนื่องจากในอดีตพื้นที่ตรงนี้มีความแห้งแล้งเป็นอย่างมาก โดยได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อที่ดินที่บ้านหนองคอกไก่ ตำบลเขากระปุก จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 250 ไร่เพื่อให้เป็นศูนย์รวมพืชเศรษฐกิจของ อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี 

ซึ่ภายในโครงการมีกังหันลมผลิตพลังงานไฟฟ้าเพื่อเป็นพลังงานทดแทน ผลิตพืชปลอดภัยจากสารพิษ แปลงปลูกข้าว ฟาร์มโคนม ฟาร์มไก่ และแปลงเกษตรที่จัดเป็นสวนสวยให้ชาวบ้าน ประชาชนทั่วไป นักเรียน นักศึกษา มาศึกษาหาความรู้ทางด้านเกษตร นอกจากนี้ยังมีบริการเช่าจักรยานให้นักท่องเที่ยวได้ปั่นเที่ยวชมบรรยากาศภายในไร่อีกด้วย เรียกได้ว่ามาที่นี่จะต้องได้ความรู้กับภาพสวย ๆ กลับบ้านแน่นอน!

3. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน

ก่อตั้งตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชให้พิจารณาหาพื้นที่ที่เหมาะสมจัดทำโครงการพัฒนาอาชีพการประมงและการเกษตร ในเขตที่ดินชายฝั่งทะเลและจัดหาพื้นที่ป่าสงวนที่เสื่อมโทรมหรือพื้นที่สาธารณประโยชน์เพื่อจัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนา 

โดยศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ ตั้งอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2525 เป็นหน่วยงานที่ดำเนินการศึกษาสาธิต และการพัฒนาในเขตที่ดินชายทะเล โดยวางแผนพัฒนาการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ให้เหมาะสมและยั่งยืน ภายในศูนย์มีห้องบรรยาย ศูนย์ข้อมูล ห้องสมุด เปิดบริการสำหรับคนทั่วไป แถมยังมีการสาธิตการเลี้ยงกุ้งกุลาดำอีกด้วย ตอบโจทย์สุด ๆ สำหรับคนที่อยากได้ความรู้กับภาพสวยไปประดับ Facebook และ instagram

4. ทุ่งโปรงทอง

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติตั้งอยู่ที่จังหวัดระยองซึ่งเป็นป่าชายเลนผืนใหญ่ขนาด 6,000 ไร่ มีพันธุ์ไม้ชายเลนมากมายหลากหลายชนิด แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งยังเป็นแหล่งที่อยู่และที่หลบภัยของสัตว์นานาชนิด โดยมีทางเดินเป็นสะพานไม้ระยะทางทั้งหมด 1 กิโลเมตร ระหว่างทางมีต้นไม้ชายเลนมากมาย 

โดยไฮไลท์สำคัญก็คือ! ทางเดินที่ทอดผ่านป่าทุ่งโปรง ตอบโจทย์สุด ๆ สำหรับคนที่อยากได้ภาพไปลง Facebook  instagram เพราะมุมตรงนี้สวยมากจริง ๆ ใครที่อยากหลีกหนีจากความวุ่นวาย มาสัมผัสบรรยากาศดี ๆ ลมเย็นสบาย ใกล้ชิดธรรมชาติ ทุ่งโปรงทองคือคำตอบ HSEM MOTOR บอกเลย!

ขอบคุณภาพจาก www.autoinfo.co.th

5. สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่

เป็นสภานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตเลยก็ว่าได้สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเชียงใหม่ เนื่องจากมีทัศนียภาพที่งดงาม โดยที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของโครงการหลวงที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโครงการขึ้น โดยใช้เป็นสถานีวิจัยและทดลองปลูกพืชเมืองหนาวชนิดต่าง ๆ เพื่อให้ชาวไทยภูเขาเลิกปลูกฝิ่นหันมาปลูกพืชเมืองหนาวแทน

งานนี้ใครที่อยากจะมีโมเมนท์ชมซากุระแต่งบไปไม่ถึงญี่ปุ่น HSEM MOTOR บอกเลยว่าสถานีเกษตรหลวงอ่างขางคือคำตอบ! ถ้าจะให้ดีมาช่วงเดือนมกราคมจะดีที่สุด รับรองว่าคุณจะได้ภาพสวย ๆ จากซากุระเมืองไทยอย่างดอกนางพญาเสือโคร่งแน่นอน

6. เขื่อนขุนด่านปราการชล

ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครนายก โดยโครงการนี้เกิดขึ้นจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ใช้เวลาสร้างทั้งสิ้น 13 ปี ตั้งแต่พ.ศ.2540 – 2552 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำนครนายกตอนบน ให้ราษฎรทางตอนล่างมีน้ำใช้ทำการเกษตร การอุปโภคบริโภคเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากที่เกิดกับประชาชนชาวนครนายกและจังหวัดใกล้เคียง 

โดยเขื่อนขุนด่านปราการชลนับเป็นเขื่อนคอนกรีตบดอัดที่มีความยาวที่สุดในโลก มีความยาวรวม 2,720 เมตร ความสูง 93 เมตร พร้อมรับน้ำที่ไหลจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ผ่านน้ำตกเหวนรกลงสู่อ่างเก็บน้ำ ซึ่งมีความจุถึง 224 ล้านลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้ยังเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดนครนายกอีกด้วย

7. เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

ตั้งอยู่ที่จังหวัดลพบุรี โดยเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เป็นเขื่อนดินที่มีสันเขื่อนยาวที่สุดในประเทศไทย สร้างขึ้นจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมและเป็นประโยชน์ต่อการเกษตร การอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ เริ่มก่อสร้างในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2537 

นอกจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จะทำหน้าที่กักเก็บน้ำแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญประจำจังหวัดลพบุรีอีกด้วย โดยภายในบริเวณเขื่อนยังมีพิพิธภัณฑ์ลุ่มน้ำป่าสัก ที่แสดงความเป็นมาของเขื่อน ความรู้ด้านธรรมชาติ  และเป็นที่หยุดรถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทยสายพิเศษ กรุงเทพ-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เปิดให้บริการในช่วงเทศกาลการท่องเที่ยวระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคมของทุกปี งานนี้ใครไม่อยากพลาดสถานที่ท่องเที่ยววิวสวย เปี่ยมไปด้วยความรู้ไม่ควรพลาด!

8. โครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์

สถานที่ท่องเที่ยวสุดชิค ตอบโจทย์คนชอบถ่ายรูปสุด ๆ โดยประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ตั้งอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ สร้างขึ้นจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำริให้พัฒนาคลองลัดโพธิ์ให้กลายเป็นทางระบายน้ำ มีช่องประตูระบายทั้งหมด 4 ช่อง ซึ่งจะเปิดประตูระบายน้ำทันทีเมื่อน้ำท่วมขัง และปิดประตูระบายน้ำเมื่อเกิดน้ำทะเลหนุนสูง ช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว ทั้งยังติดตั้งกังหันทดน้ำไว้ผลิตกระแสไฟฟ้าด้วย

9. สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์

ตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่บนพื้นที่ 150 ไร่ โดยสร้างขึ้นจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเพื่อวิจัยค้นคว้าข้อมูลเป็นแนวทางที่จะนำเอาผลจากการวิจัยมาส่งเสริมอาชีพเป็นรายได้ของครอบครัวเกษตรกร ซึ่งใครที่มาที่นี่นอกจากจะได้ความรู้แล้ว ยังได้รูปสวย ๆ กลับบ้านไปอีกเพียบแน่นอน เพราะที่นี่เขามีทัศนียภาพที่งดงาม ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในต่างประเทศ ยิ่งถ้ามาช่วงหน้าหนาวของไทยด้วยและละก็ รับรองว่าคุณจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพใบเมเปิ้ลเปลี่ยนสีแน่นอน! 

และนี่ก็คือ 9 สถานที่ที่ HSEM MOTOR นำมาฝากคุณผู้อ่านในวันนี้ งานนี้ใครที่ยังไม่เคยไปเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ ที่เราแนะนำ เราขอบอกเลยค่ะว่าตองไป! เพราะเมืองไทยมีอะไรสวยงามอีกเยอะ ยิ่งช่วงหน้าหนาวแบบนี้ บอกเลยว่าต้องไปตามเก็บสถานที่เหล่านี้ให้ครบ รับรองว่าคุณจะได้บรรยากาศดี ๆ ตอบโจทย์ ตรงใจ ค่าใช้จ่ายน้อยแน่นอน 

เพชรบุรี

เอช เซม ปักหมุดกิจกรรม ณ จังหวัดเพชรบุรี

นายวันชัย ลี้นะวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด เข้าพบคุณธานินทร์ ถิตตยานุรักษ์ ประธานหอการค้าจังหวัดเพชรบุรี คุณอารี โชติวงษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบุรี และ คุณวสันต์ กิตติกุล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันตก และประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบุรี

เพื่อขอคำแนะนำในโอกาสที่จะไปจัดกิจกรรม SEV&STC ตอบโจทย์ทุกธุรกิจ ลงตัวทุกการใช้งาน ณ จังหวัดเพชรบุรี ในเดือนธันวาคมนี้ ด้วยพันธกิจของบริษัทที่มุ่งมั่น ตั้งใจที่จะคิดค้นและสร้างสรรค์นวัตกรรมการผลิตและบริการเพื่อผู้ประกอบการทุกท่าน

ฝุ่น-PM2.5

จริง หรือ มั่ว! ฝุ่น PM2.5 = ตัวการโรคสมอง

หลายคนคงจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับ ฝุ่น PM2.5 กลับมาอีกครั้ง แม้ว่าตอนนี้เจ้าฝุ่นจิ๋วตัวร้ายจะกลายเป็นเรื่องคุ้นเคยกันไปแล้วสำหรับคนกรุงเทพฯ ปริมณฑล และตามจังหวัดใหญ่ในภูมิภาคต่าง ๆ กับปัญหา ฝุ่น pm2.5 มีความหนาแน่นสูงจนทำให้สุ่มเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ โรคหลอดเลือดในสมอง และ โรคมะเร็งปอด แต่คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าในปี 2019 นี้ ได้ค้นพบเพิ่มเติมว่า ฝุ่น PM2.5 คือตัวการของโรคสมอง งานนี้จะจริงหรือโกหก HSEM MOTOR หาคำตอบมาให้คุณแล้ว!

ส่อง PM2.5 ฝุ่นจิ๋ว ตัวร้ายสุดอันตราย

ก่อนที่เราจะพูดถึงฝุ่น PM2.5 นั้น ต้องมาทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่า PM ย่อมาจาก Particulate Matters ซึ่งเป็นคำเรียกค่ามาตรฐานของฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ สามารถแบ่งออกได้ 2 ชนิด คือ PM 10 และ PM 2.5 โดยตัวเลข 2.5 นั้นมาจากหน่วย 2.5 ไมครอนหรือไมโครเมตรนั่นเอง ด้วยความที่มันมีอนุภาคขนาดเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยน้อยกว่า 2.5 ไมโครเมตร เราจึงไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่เมื่อมาแผ่อยู่รวมกันเราก็สามารถเห็นได้เป็นหมอกควันหนา

สำหรับฝุ่น PM 2.5 เมื่อตามความเป็นจริงแล้ว ถือได้ว่าเป็นมลพิษต่อสุขภาพของมนุษย์มากที่สุดเลยก็ว่าได้ หากอิงตามข้อมูลที่องค์การอนามัยโลกได้ออกมาแจ้งเตือนให้ทราบ เพราะเป็นฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กมาก เส้นผมที่ว่ามีขนาดเล็กแล้ว เจ้าฝุ่น PM 2.5 ยังเล็กกว่าถึง 20 เท่า ทำให้เล็ดลอดผ่านขนจมูกเข้าสู่ปอด และหลอดเลือดได้ง่าย ส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว 

โดยฝุ่น PM2.5 นั้นมีสาเหตุมาจากการเผาไหม้ยานยนต์ การเผาไหม้วัสดุการเกษตร ไฟป่า และกระบวนการอุตสาหกรรม ด้วยลักษณะตัวเมืองที่มีตึกสูงรายล้อมอย่างกรุงเทพ ทำให้เมืองมีลักษณะคล้ายกับแอ่งกระทะ เกิดการสะสมของเจ้าฝุ่นร้ายได้ง่าย ซึ่งปกติฝุ่นเหล่านี้จะลอยขึ้นไปในอากาศ ถูกลมพัดฟุ้งกระจายไป แต่ถ้าวันไหนที่อากาศนิ่ง ไม่ค่อยมีลมพัด ฝุ่นละอองจะไม่ฟุ้งกระจาย ส่งผลให้ระดับความเข้มของฝุ่นในพื้นที่นั้น ๆ สูงมากขึ้นจนกลายเป็นระดับที่อันตรายต่อสุขภาพ

ใหญ่ทั่วโลกอีกด้วย โดยประชากรทั่วโลกกว่า 90% ได้รับมลพิษทางอากาศเกินค่ามาตรฐาน ทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพกระจายเป็นวงกว้าง ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกหรือ WHO พบว่า ในทุกปีมีประชากรถึง 7 ล้านคนเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากการได้รับมลพิษทางอากาศ ส่งผลให้เกิดโรคมะเร็งปอด, โรคถุงลมโป่งพอง, โรคหัวใจ และ โรคสมอง

“ค่าคุณภาพอากาศ” ต้องสูงขนาดไหนถึงเรียกว่าวิกฤติ!

หลังจากที่เราพูดถึงฝุ่น PM2.5 กันไปแล้วก็มาพูดถึง “ค่าคุณภาพอากาศ” กันบ้าง โดยค่าคุณภาพอากาศ คือ การรายงานข้อมูลคุณภาพอากาศในรูปแบบที่ง่ายต่อความเข้าใจของประชาชนทั่วไป เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนได้รับทราบถึงสถานการณ์มลพิษทางอากาศในแต่ละพื้นที่ว่าอยู่ในระดับใด มีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยหรือไม่

โดยดัชนีคุณภาพอากาศ 1 ค่า ใช้เป็นตัวแทนค่าความเข้มข้นของสารมลพิษทางอากาศ 6 ชนิด ได้แก่ ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) , ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10), ก๊าซโอโซน (O3), ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO), ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) และ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2)

ตอบคำถามที่หลายคนสงสัย สรุปแล้วฝุ่น PM2.5 คือตัวการโรคสมองจริงเหรอ?

มาถึงคำถามที่หลายคนสงสัยว่า “สรุปแล้วฝุ่น PM2.5 คือตัวการโรคสมองจริงเหรอ?” สำหรับใครที่กำลังสงสัยอยู่ เราขอบอกว่าเรื่องนี้เป็นความจริง! 

จากการรวบรวมข้อมูลวิจัยประชาชนในยุโรป 13 ประเทศขององค์การอนามัยโลก เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ปี 2019 พบว่า ในกลุ่มคนที่ได้รับ ฝุ่น PM 2.5 มากกว่า 15 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะมีอัตราการตายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อยู่ที่ประมาณ 7% ต่อ PM 2.5 ที่เพิ่มขึ้นทุก 5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากทุกครั้งที่เราหายใจนำฝุ่น PM2.5 เข้าไป ไม่ได้ทำให้เกิดปัญหาเฉพาะที่ปอดหรือระบบทางเดินหายใจเท่านั้น แต่ฝุ่น PM 2.5 ยังสามารถซึมผ่านเข้าสู่เส้นเลือด ผ่านเข้าทางเส้นประสาทการรับกลิ่นที่อยู่ในโพรงจมูก และผ่านเข้าไปยังสมองโดยตรงได้ หลังจากที่ฝุ่นจิ๋วตัวร้ายเข้าไปยังสมองแล้ว สิ่งต่อมาที่จะเกิดขึ้นกับคุณก็คือสมองมีภาวะอักเสบ มีการหลั่งสารอักเสบชนิดต่าง ๆ ทำให้เซลล์สมองได้รับบาดเจ็บ เกิดภาวะสมองเสื่อมเร็วกว่าปกติ

จากหลายงานวิจัย พบว่า ฝุ่น PM 2.5 ส่งผลกระทบต่อเด็กและผู้ใหญ่แตกต่างกัน กล่าวคือ หากเป็นในเด็ก ฝุ่น PM2.5 จะส่งผลต่อความผิดปกติทางด้านพัฒนาการทางสติปัญญา เช่น มีสติปัญญาด้อยลง, การพัฒนาการช้าลง, มีปัญหาการได้ยินและการพูด รวมทั้งยังมีผลทำให้เกิดภาวะสมาธิสั้น (Attention Deficit) และภาวะออทิซึม (Autism) เพิ่มมากขึ้นถึง 68% 

ในผู้ใหญ่พบว่า การได้รับฝุ่น PM 2.5 ทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์เพิ่มมากขึ้นถึง 3 เท่า ทำให้เกิดโรคพาร์กินสันเพิ่มได้ถึง 34% รวมทั้งยังทำให้เกิดความเสี่ยงของโรคเส้นเลือดสมอง (Stroke) เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เรียกได้ว่ายังไม่ถึงวัยผู้สูงอายุ ก็มีโอกาสเป็นโรคเหล่านี้มากกว่าปกติแล้ว โดยทุก 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรของระดับ PM2.5 ที่เพิ่มขึ้น จะเพิ่มความเสี่ยงของโรคเส้นเลือดสมองถึง 13% โดยในกลุ่มคนที่เป็นโรคเส้นเลือดสมองอยู่แล้ว การได้รับ PM 2.5 จะเพิ่มอัตราการตายให้สูงขึ้นไปอีก

หากเป็นคนที่ออกกำลังกายในสถานที่ที่มีฝุ่น PM2.5 จำนวนมาก จะทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพสมอง และเพิ่มอัตราการเกิดโรคเส้นเลือดสมองมากขึ้น ส่วนในกลุ่มคนที่เป็นโรคปวดศีรษะไมเกรน มีสมองที่ไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าคนปกติ ฝุ่น PM2.5 รวมทั้งมลพิษในอากาศชนิดอื่น ๆ สามารถเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงขึ้นมาได้ โดยพบว่าในช่วงเวลาที่มีฝุ่นขนาดจิ๋วอยู่ในระดับสูง เช่น ฤดูหนาว จะพบคนที่เป็นไมเกรนเกิดอาการปวดศีรษะรุนแรง มากกว่าช่วงปกติประมาณ 4 – 13% 

7 ทริคเอาชีวิตรอดในดงฝุ่น PM2.5 

1. ออกกลางแจ้งเมื่อไหร่ ใส่หน้ากากอนามัยเอาไว้

สำหรับใครที่รู้สึกไม่ชินเวลาที่ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย อาจจะต้องทำใจใส่หน่อย เพราะถึงแม้ว่าฝุ่น PM2.5 จะไม่มีสี ไม่มีกลิ่น แต่คุณก็ไม่ควรประมาทไป เพราะถ้าเกิดสูดดมเข้าไปสะสมในร่างกายอาจจะก่อให้เกิดโรคร้ายได้ โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ปอด หรือภูมิคุ้มกันไม่ดี ยิ่งต้องระวังใหญ่ โดยหน้ากากอนามัยที่ดีควรเป็น N95 ใส่แล้วเหมาะพอดี ปิดสนิทแนบหน้า และมีไส้กรองกันฝุ่นขนาด PM2.5 อยู่ 

2. “ดวงตา” หน้าต่างหัวใจที่คุณไม่ควรมองข้าม

เพราะดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญ และบอบบาง เราจึงต้องหมั่นดูแลอยู่เสมอด้วยการหยอดน้ำตาเทียมบ่อย ๆ หากต้องอยู่กลางแจ้งนาน ๆ ให้สวมแว่นป้องกันฝุ่นเอาไว้จะดีที่สุด

3. เครื่องกรองอากาศ นวัตกรรมตอบโจทย์ยุค PM2.5 บุก

จริงอยู่ที่การปิดหน้าต่าง เปิดแอร์ นั้นเป็นทางเลือกที่ดี ปลอดภัยที่สุด แต่รู้หรือไม่ว่าบางครั้ง วิธีนี้ก็ใช่ว่าจะรอดเสมอไป! ทางที่ดีช่วงนี้อาจจะต้องเปลี่ยนมาใช้เครื่องฟอกอากาศควบคู่ไปด้วย ทางเดินหายใจของคุณจะได้ปลอดภัยมากขึ้น

4. งดตากผ้ากลางแจ้ง

ไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่าการตากผ้าในที่แจ้งนอกจากจะได้ผ้าแห้ง ไม่มีกลิ่นอับแล้ว มันยังแถมฝุ่น PM2.5 มาให้อีกด้วย ทางที่ดีช่วงนี้งดการตากผ้าในที่แจ้ง เปลี่ยนมาตากผ้าในที่ร่มกันไปก่อน หากกังวลว่าผ้าจะมีกลิ่นเหม็น แนะนำให้ใช้เม็ดหอมแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้าเพื่อลดกลิ่นอับแทน

5. ทานอาหารดี มีประโยชน์

อาหารช่วงนี้เราขอแนะนำให้คุณรับประทานอาหารที่มีส่วนช่วยในการดีท็อกซ์ และอุดมไปด้วยประโยชน์ เพื่อที่สารอาหารเหล่านั้นจะไปช่วยขับสิ่งไม่ดีออกจากร่างกาย แถมยังเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงอีกด้วย

6. ตรวจเช็กสุขภาพเสมอ อย่าให้ขาด

ในแต่ละวันเราอยากแนะนำให้คุณตรวจสุขภาพด้วยตัวเองเบื้องต้นว่า ร่างกายเกิดความผิดปกติอะไรไหม  หากมีอาการผิดปกติ หรืออยู่ในกลุ่มสุ่มเสี่ยงต่าง ๆ อาจจะต้องระวังกันเป็นพิเศษ และต้องไปพบแพทย์ทันที แน่นอนว่าช่วงนี้คุณผู้อ่านอาจจะลองไปตรวจสุขภาพประจำปีด้วย ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ไม่เลว หากเป็นอะไรจะได้รับมือทัน และไม่สายเกินแก้

7. รักษาความสะอาดยิ่งชีพ

ขั้นตอนในการอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรละเลย ไม่ใช่แค่ป้องกันตัวเองจากฝุ่นเท่านั้น แต่การสวมหน้ากากอนามัยไว้เป็นเวลานาน อาจทำให้ใบหน้าใต้หน้ากากของเรามีเหงื่อได้ หากดูแลไม่ดีอาจกลายเป็นสิวในภายหลัง

และนี่ก็คือสาระดี ๆ ที่ HSEM MOTOR นำมาฝากคุณผู้อ่านในวันนี้ ใครไม่อยากป่วยเป็นโรคร้ายจากเจ้าฝุ่นตัวจิ๋ว ก็นำวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้ดูได้ค่ะ 

สารเคมี

ส่องปัญหาหลังแบน 3 สารเคมี ธันวาคมนี้เกษตรกรต้องรอด!

หลังจากที่มีข่าวออกมาอยู่พักใหญ่ จนได้ข้อสรุปเป็นที่แน่นอนแล้วว่า ประเทศไทยจะแบน 3 สารเคมี เหล่านี้อย่างเด็ดขาด! ประกอบด้วยพาราควอต, ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ซึ่งเป็นสารเคมีอันตราย ตกค้างในผักผลไม้ได้นาน แม้แต่ความร้อน 100 องศาก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่ใช่แค่เกษตรกรเพียงอย่างเดียวที่ได้รับโทษจาก 3 สารเคมีนี้ เพราะผู้บริโภคเองก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน HSEM MOTOR จึงไม่รอช้า ขอนำเสนอทางรอดเพื่อเกษตรกรไทย ต้นธันวานี้ไปเกษตรกรไทยต้องรอด!

รู้หรือไม่? แม้แต่ประเทศผู้ผลิตก็ไม่มีใครกล้าใช้ 3 สารเคมี นะ

1. พาราควอต

สารเคมีที่ผลิตขึ้นมาเพื่อกำจัดศัตรูพืชโดยเฉพาะ สารเคมี ชนิดนี้ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาครั้งแรกในปี 1882 รู้จักกันในฐานะเป็นสารพิษกำจัดวัชพืชในปี 1955 และผลิตเป็นสินค้าเพื่อเป็นสารกำจัดวัชพืชครั้งแรกในปี 1962 โดยบริษัทไอซีไอ (Imperial Chemical Industries) ซึ่งตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักร จากการผนวกควบรวมกิจการหลายครั้ง ในที่สุดไอซีไอได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ “ซินเจนทา” บริษัทข้ามชาติสัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่บาเซล 

บริษัทนี้กลายเป็นผู้ผลิตพาราควอตรายใหญ่ของโลกภายใต้ชื่อการค้า “กรัมม็อกโซน” รายได้หลักของบริษัทมาจากการขายสารเคมีกำจัดศัตรูพืช โดยมียอดขายสารพิษทั้งหมดปีละ 11.381 พันล้านเหรียญสหรัฐ(ข้อมูลปี 2014) จากการเปิดเผยของผู้บริหารซินเจนทาเอง พบว่า เฉพาะในประเทศไทยยอดขายของพาราควอตมีมากกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี

ปัจจุบันพาราควอตจำนวนมากถูกผลิตขึ้นที่ประเทศจีนเพื่อลดต้นทนและส่งออกไปขายยังทั่วโลก แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ ประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตพาราควอตนั้น ไม่มีใครใช้สารเคมีชนิดนี้เลย!  

2. ไกลโฟเซต

สารเคมีที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นครั้งแรกในห้องปฏิบัติการของนักเคมีชาวสวิตเซอร์แลนด์ในปี 1950 ต่อมาเมื่อปี 1970 บริษัทมอนซานโตได้พัฒนาและสังเคราะห์อนุพันธุ์ไกลโฟเซตขึ้นจนค้นพบว่ามีคุณสมบัติในการกำจัดวัชพืช มีฤทธิ์ละลายน้ำได้ ซึ่งบริษัทมอนซานโตได้จดสิทธิบัตรไกลโฟเซตและอนุพันธุ์สารพร้อมจดเครื่องหมายการค้ายี่ห้อราวด์อัพ 

ไกลโฟเซตเป็น สารเคมี ปราบวัชพืชที่ทั่วโลกนิยมใช้ ช่วงเวลา 40 ปีระหว่าง 1974-2014 มีการใช้สารไกลโฟเซตในสหรัฐอเมริการสูงถึง 1.6 พันล้านกิโลกรัม ในขณะที่ทั่วโลกมีปริมาณการใช้รวม 8.6 พันล้านกิโลกรัม ปัจจุบันบางประเทศ เช่น โปรตุเกส อิตาลี และนครแวนคูเวอร์ของแคนาดา ได้ออกกฎห้ามใช้สารไกลโฟเซตในพื้นที่สวนสาธารณะต่าง ๆ เนื่องจากเป็นสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็ง

3. คลอร์ไพริฟอส

สารประกอบประเภทออร์กาโนฟอสเฟต (Organophosphates) มีฤทธิ์กำจัดแมลงและหนอนต่าง ๆ ได้หลายชนิด เกษตรกรจึงใช้สารเคมีชนิดนี้ตั้งแต่ปี ค.ศ.1965 (พ.ศ.2508) เพื่อใช้กำจัดศัตรูพืช โดยคลอร์ไพริฟอสจะออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของระบบประสาทในตัวแมลง องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดให้คลอร์ไพริฟอสเป็นสารประกอบที่มีอันตราย การสัมผัสโดยตรงสามารถส่งผลกระทบต่อระบบประสาทของมนุษย์ และทำให้เกิดภาวะภูมิต้านทานตนเอง

ที่ผ่านมาคลอร์ไพริฟอสเป็นยาฆ่าแมลงที่มีการจำหน่ายเกือบ 100 ประเทศทั่วโลก โดยใช้ฉีดพ่นลงในแปลงเกษตร เช่น ฝ้าย ข้าวโพด อัลมอนด์ รวมถึงผลไม้จำพวกส้ม กล้วย และแอปเปิ้ล แต่ถูกต่อต้าน และมีการยกเลิกการใช้ยาฆ่าแมลงชนิดนี้ในหลายประเทศ ครอบครัวเกษตรกรในอเมริกาเองก็เลิกใช้คลอร์ไพริฟอสตั้งแต่ปี ค.ศ.2001 (พ.ศ.2544) ด้วยเช่นกัน

ส่องปัญหาหลังแบน 3 สารเคมี !

จริงอยู่ที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้มีการเรียกร้องให้แบนสารเคมีทั้ง 3 ชนิด เนื่องจากมีรายงานระบุถึงอันตรายที่เกิดขึ้นจากสารเคมีทั้ง 3 ตัว และมีหลายประเทศที่ดำเนินการแบนสารเคมีเหล่านี้แล้ว แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าหลังจากที่แบน 3 สารเคมีนี้ เกษตรกรจะสามารถรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อไปในอนาคตได้ งานนี้ HSEM MOTOR จึงไม่รอช้าขอนำเสนอปัญหาและทางแก้ที่เกษตรกรควรรู้ก่อนสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้กัน งานนี้จะมีอะไรบ้าง ห้ามพลาด ! 

1. “ต้นทุน” ของสินค้าเกษตรเพิ่มสูงขึ้น

เนื่องจากในการกำจัดวัชพืชไม่สามารถฉีดยาฆ่าหญ้าได้อีกต่อไป การใช้วิธีไถกลบหรือใช้แรงงานคนจึงเป็นคำตอบที่ดี่สุดในเวลานี้ แน่นอนว่าราคาสูงก็ขึ้นตามไปด้วย

2. ความสามารถในการแข่งขันลดลง

ด้วยต้นทุนภาคเกษตรที่สูงขึ้น ทำให้การแข่งขันกับเพื่อนบ้าน-คู่แข่งในตลาดโลกด้านราคาสินค้ายากขึ้น ทางที่ดีประเทศไทยอาจจำเป็นต้องมุ่งหน้าสู่ “ประเทศเกษตรอินทรีย์” ซึ่งแน่นอนว่า ราคาผักปลอดสารพิษ ก็จะไม่เป็นมิตรกับกระเป๋าผู้บริโภคส่วนใหญ่

3. ผู้บริโภคมีรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น

ไม่เพียงแต่การที่ต้นทุนผลิตสูงขึ้นจะทำให้ความสามารถในการแข่งขันของเกษตรกรไทยลดลงเพียงอย่างเดียว เพราะความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคก็ลดลงด้วย เนื่องจากราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น

กลูโฟซิเนต สารเคมี ทางรอดของเกษตรกรไทย จริงเหรอ?

หลังจากที่เกษตรกรได้ข้อสรุปเป็นที่แน่นอนแล้วสำหรับการแบนพาราควอต, ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ภายหลังนักวิชาการได้นำเสนอสารเคมี ทดแทน 3 สารเคมีดังกล่าว หนึ่งในนั้นก็คือ กลูโฟซิเนต ซึ่งเป็นสารเคมีชนิดหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดวัชพืช แต่คุณผู้อ่านรู้หรือไม่ว่า กลูโฟซิเนตเองก็ไม่ได้ปลอดภัยต่อชีวิตของผู้ใช้งานเลย โดยรศ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า

การแบนพาราควอตและไกลโฟเซต เพื่อไปใช้กลูโฟซิเนตที่มีพิษและราคาแพง เหมือนเป็นการหนีเสือปะจระเข้ เพราะกลูโฟซิเนตมีราคาแพง มีระดับความเป็นพิษสูงกว่าไกลโฟเซตเนื่องจากไกลโฟเซตเป็นยาฆ่าหญ้าที่เป็นพิษต่ำสุดในท้องตลาด โดยกลูโฟซิเนตมีความเป็นพิษเฉียบพลันสูงกว่าไกลโฟเซตถึง 2.5 เท่า และมีพิษเรื้อรังที่ส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์อีกด้วย 

แม้ว่าทางบริษัทผู้ผลิตจะบอกว่ากลูโฟซิเนต ไม่เป็นอันตรายต่อแหล่งน้ำดื่ม และปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม แต่ทาง NGO อังกฤษไม่ได้คิดเช่นนั้น เพราะสารนี้มีความคงทนสูง ไม่สลายตัวง่าย และสามารถเคลื่อนย้ายได้ในดิน โดยเฉพาะดินที่มีทราย ทำให้มันลงไปในแหล่งน้ำใต้ดินได้ซึ่งอันตรายต่อจุลินทรีย์ในดิน สิ่งมีชีวิตในน้ำเป็นอย่างมาก ปัจจุบันสหภาพยุโรป 17 ประเทศไม่อนุญาตให้ใช้แล้ว และมีแนวโน้มว่าประเทศยุโรปอีก 11 ประเทศ จะเลิกใช้ทั้งหมดในเร็ว ๆ นี้ ทางที่ดี HSEM MOTOR ขอแนะนำให้คุณใช้เครื่องตัดหญ้า หรือทำน้ำยากำจัดวัชพืชแบบไร้สารเคมีจะดีกว่า เพื่อความปลอดภัยต่อตัวคุณและผู้บริโภค

ผู้สูงอายุ

ขับรถบ่อย ๆ ป้องกันโรคสมองเสื่อมใน ผู้สูงอายุ ได้จริงเหรอ?

ในยุคปัจจุบันเรามักจะได้ยินกันมากขึ้นเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนนจาก ผู้สูงอายุ จนทำให้หลาย ๆ ฝ่ายเริ่มตระหนักกันมากขึ้นเกี่ยวกับการขับรถของผู้สูงอายุ เนื่องจากผู้สูงอายุมีข้อจำกัดในการขับรถมากมาย อาทิ การหลงลืมเส้นทางในการเดินทาง, การหลงลืมมารยาทในการขับขี่รถบนท้องถนน และอาการป่วยอื่น ๆ ที่มีผลต่อการขับรถ

จากข้อมูลของสหรัฐฯ หน่วยงานความปลอดภัยการขับขี่ยวดยาน (NHTSA, National Highway Traffic Safety Administration) พบว่า คนอายุ 85 ปีขึ้นไปที่ขับรถ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนถนนจนถึงแก่ชีวิต 13% โดยชนคนเดินถนนตายถึง 17% สถิติตัวเลขนี้สูงเป็น 17 เท่า เมื่อเทียบกับคนขับอายุ 25-65 ปี 

ทำให้หลายคนเริ่มคิดถึงเรื่องการห้าม ผู้สูงอายุ ขับรถบนท้องถนน แต่คุณผู้อ่านรู้หรือไม่คะว่าแท้จริงแล้วการขับรถบ่อยๆ ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุได้ เรื่องนี้จะจริงหรือไม่ H SEM หาคำตอบมาให้คุณแล้วค่ะ!

สรุปแล้ว การขับรถบ่อย ๆ ป้องกันโรคสมองเสื่อมใน ผู้สูงอายุ ได้จริงเหรอ?

โดยส่วนใหญ่ ถ้าอายุเกิน 70 ปี โอกาสการเกิดอุบัติเหตุก็จะเพิ่มมากขึ้นและและจะพุ่งสูงเป็นพิเศษเมื่ออายุเกิน 80 ปี เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น ผู้สูงอายุจะได้รับอันตรายมากกว่าและโอกาสถึงแก่ชีวิตสูงกว่าคนหนุ่มสาวถึง 9 เท่า อย่างที่เราได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ค่ะว่า การขับขี่รถบ่อย ๆ นั้นช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมได้ แต่ก่อนที่เราจะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้กัน HSEM MOTOR ขอพูดถึงความเสี่ยงในการขับรถของ ผู้สูงอายุ กันก่อนค่ะ

จริงอยู่ที่ข้อมูลหน่วยงานความปลอดภัยการขับขี่ยวดยานของสหรัฐอเมริกานั้นได้กล่าวว่าการขับรถของผู้สูงอายุนั้นเป็นสาเหตุทีทำให้เกิดอุบัติเหตุการชนถึงแก่ชีวิต 13% ชนคนเดินถนนตายถึง 17%  แต่คุณผู้อ่านรู้หรือไม่คะว่าสาเหตุหลักการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนนั้นไม่ได้มาจากผู้สูงอายุนะ แต่มาจากกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน 

เพราะจากสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนน ตั้งแต่ปี 2013-2016 ของ องค์การอนามัยโลก,(World Health Organization–WHO) พบว่า อุบัติเหตุบนท้องถนนกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็ก ๆ และคนหนุ่มสาวทั่วโลกเสียชีวิตมากที่สุด ส่วนไทยครองแชมป์อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

จากข้อความข้างต้น จะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยค่ะว่ากลุ่มคนที่เสียชีวิตบนท้องถนนคือกลุ่มคนหนุ่มสาว และเด็ก นั่นแปลว่า “ผู้สูงอายุ คือ คนกลุ่มน้อยบนท้องถนน” นั่นจึงทำให้กลุ่มผู้สูงอายุไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนแต่อย่างใด อย่างไรก็ดีถ้าผู้สูงอายุคนไหนขับรถด้วยความเร็วที่มากเกินไป โอกาสการเกิดอุบัติเหตุก็เพิ่มมากขึ้นกว่าคนหนุ่มสาว 

เมื่อฟังข้อเสียแล้ว เราก็มาฟังข้อดีของการให้ผู้สูงอายุขับขี่รถกันบ้างค่ะ เพื่อที่คุณจะได้ประกอบการตัดสินใจเรื่องการขับขี่บนท้องถนนของผู้สูงอายุที่บ้าน

จากงานวิจัยเกี่ยวกับสุขภาพของคนสูงอายุที่เชื่องโยงกับการขับรถรวม 16 งานวิจัย และตีพิมพ์ผลงานไว้ในวารสารสมาคมชราวิทยาอเมริกา (AGS) เมื่อเดือนมกราคม ปี 2562 ที่ผ่านมา พบว่า การหยุดขับรถทำให้ผู้สูงอายุซึมเศร้าเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว และทำให้สุขภาพกายถดถอยยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสุขภาพของคนที่มีเพศและวัยเดียวกันที่ยังไม่ยอมเลิกขับรถ

สอดคล้องกับนายแพทย์สันต์ ใจยอดศิลป์ คอลัมนิสต์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจหลอดเลือดและทรวงอก อดีตผู้บริหารโรงพยาบาลพญาไท 2 ที่ออกมาให้ความเห็นเรื่องการขับรถของผู้สูงอายุว่าเป็นเรื่องที่ดี การเลิกขับรถและหมกตัวอยู่แต่ในบ้านมีแต่ทำให้การทำงานของสมองช้าลง และเสื่อมลงมากขึ้น เผลอ ๆ ได้โรคซึมเศร้าแถมมาอีกด้วย ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากการเลิกขับรถเป็นการแยกตัวออกจากสังคมนอกบ้าน นั่นเอง

“รถไฟฟ้า” นวัตกรรมยานยนต์สำหรับ ผู้สูงอายุ

ในช่วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ “รถไฟฟ้า” ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมยานยนต์ที่น่าสนใจ ตอบโจทย์กับผู้สูงอายุแบบสุด ๆ ด้วยการออกแบบที่คล้ายคลึงกับจักรยาน และมอเตอร์ไซค์ แตกต่างก็ตรงที่รถไฟฟ้าจะมีล้อรถ 3 ล้อ ทำให้ตัวรถมีความมั่นคง ผู้ขับไม่จำเป็นต้องรักษาสมดุลในการขับขี่มากนัก เพียงบิดแฮนด์รถเพื่อเร่งความเร็ว และเบรกเมื่อต้องการหยุดรถเท่านั้น งานนี้เราจึงไม่รอช้า ขอแนะนำวิธีเลือกซื้อรถสามล้อไฟฟ้า ที่ตอบโจทย์ผู้สูงอายุกัน จะต้องใช้หลักเกณฑ์อะไรบ้าง มาดูกันดีกว่า!

1. ความเหมาะสมในการใช้งาน

สำหรับข้อนี้เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญในการเลือกรถไฟฟ้าเลยก็ว่าได้ เพราะรถไฟฟ้านั้นมีมากมายหลากหลายประเภทที่บริษัทได้ผลิตออกมา ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสำหรับผู้สูงอายุ. รถไฟฟ้าสำหรับแม่บ้าน และรถไฟฟ้าสำหรับบรรทุกสิ่งของ เป็นต้น

ดังนั้นก่อนที่คุณจะเลือกซื้อรถไฟฟ้าเพื่อใช้งานก็ควรตรวจสอบเสียก่อนว่าตนเองต้องการใช้งานด้านใดบ้าง เพื่อที่คุณจะได้รถ EV หรือรถไฟฟ้าที่เหมาะสม ตรงกับใจคุณ โดยคุณสามารถสอบถามข้อมูลสินค้ากับตัวแทนจำหน่าย หรือศูนย์จัดจำหน่ายรถไฟฟ้านั้น ๆ ก่อนได้ เพื่อประกอบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ

2. ความน่าเชื่อถือของแบรนด์

ในการซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์อะไรก็ตามแต่ หลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ สำหรับการเลือกซื้อสินค้าจากชื่อเสียงของแบรนด์ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ชื่อเสียงยิ่งดังมากเท่าไหร่ ได้ยินบ่อยแค่ไหน ยิ่งเป็นเครื่องการันตีได้ว่าคุณจะหาศูนย์บริการลูกค้าได้ง่าย

แต่เรื่องชื่อเสียงของสินค้าเองก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของความน่าเชื่อถือเท่านั้น ยังมีเรื่องของอะไหล่สินค้าอีกด้วย จะดีกว่าไหมหากคุณเลือกซื้อผลิตภัณฑ์กับบริษัทที่มีโรงงานผลิตในไทย ในยามที่อะไหล่รถไฟฟ้าของคุณเกิดเสียหรือชำรุดจะได้สามารถซ่อมได้เลย ไม่ต้องรออะไหล่จากต่างประเทศ แถมราคายังประหยัด สบายกระเป๋าอีกด้วย

3. บริการหลังการขาย

สำหรับข้อนี้ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม หากคุณคือผู้ที่ไม่มีความรู้ในการดูแลรถไฟฟ้ามาก่อน เพราะบริการหลังการขายที่ดีจะตอบโจทย์และช่วยให้คุณสบายใจได้มากยิ่งขึ้นยามที่รถไฟฟ้าของคุณมีปัญหาหรือรถเสีย ยิ่งถ้าบริษัทนั้นมีบริการหลังการขายที่คอยตรวจเช็คสภาพรถทุก 1 เดือน 5 เดือน และ 12 เดือน หรือให้บริการซ่อมรถถึงบ้านด้วยยิ่งดีใหญ่ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาช่างซ่อมรถ และนำรถเข้าศูนย์

4. การรับประกันสินค้า

จริงอยู่ที่การซื้อสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำ หรือแบรนด์ที่มีชื่อเสียงนั้นทำให้คุณอุ่นใจในการซื้อสินค้ามากขึ้น แต่แค่นี้มันยังไม่พอหรอกนะ คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสินค้าที่ซื้อไปนั้นมีคุณภาพ จะดีกว่าไหมหากสินค้าที่คุณซื้อไปได้รับ Warranty หรือการรับประกันสินค้าจากทางแบรนด์

โดยส่วนใหญ่สินค้ามักจะได้รับการประกันสินค้าและแบตเตอรี่ให้ที่ 1 ปีเท่านั้น ส่วนมอเตอร์จะได้รับประกันมอเตอร์สูงสุดอยู่ที่ 5 ปี ดังนั้นเวลาที่คุณจะซื้อรถไฟฟ้าอย่าลืมดูเรื่องการรับประกันสินค้าด้วย เวลาที่เกิดปัญหาผิดพลาดจากอะไหล่ที่ใช้ คุณจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ปากช่อง-เขาใหญ่

ผู้ประกอบการธุรกิจ ปากช่อง-เขาใหญ่ ทดลองประสิทธิภาพรถไฟฟ้า

นายวันชัย ลี้นะวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด ให้การต้อนรับผู้ประกอบการจากภาคธุรกิจ หน่วยงาน และสมาคมต่าง ๆ ในพื้นที่ปากช่องและเขาใหญ่ จำนวนกว่า 70 ท่าน ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมทดสอบรถกอล์ฟไฟฟ้าและสามล้อไฟฟ้า

ในกิจกรรม “SEV & STC ตอบโจทย์ทุกธุรกิจ ลงตัวกับทุกการใช้งาน” โดยงานจัดขึ้นที่โรงแรม โบทานิก้า เขาใหญ่ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะให้ผู้ประกอบการทดสอบศักยภาพจริงก่อนซื้อ

ยิ่งให้ยิ่งได้

เอช เซม มอเตอร์ คืนความสะอาดให้ทะเลไทย

“หาดสวย ด้วยมือเรา” กับ กิจกรรมภายใต้โครงการ ยิ่งให้..ยิ่งได้ นำทีมบริหารและพนักงาน บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด โดยคุณวันชัย ลี้นะวัฒนา กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยพนักงานในเครือฮั้วเฮงหลี กรุ๊ป จำนวน 260 คนที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้ เพื่อร่วมกันเก็บเศษขยะริมหาด

โดยกิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นที่ชายหาดทะเลไทย ณ อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เพื่อคืนความสะอาดให้กับทะเลไทย ป้องกันขยะพลาสติกที่อาจจะพัดลงทะเลและเป็นอันตรายแก่สัตว์น้ำ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะก้าวต่อไปอย่างมั่นคง ควบคู่ไปกับการส่งต่อสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรให้กับคนไทยทุกคน เหมือนกับพันธกิจที่เราได้ให้ไว้ตั้งแต่ครั้งแรกของการทำธุรกิจที่จะรับผิดชอบและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์สังคม

ค่ายธรรมะ

เอช เซม มอเตอร์ จัดกิจกรรมค่ายธรรมะให้พนักงาน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด จัดกิจกรรมเข้าค่ายธรรมะ ให้กับพนักงาน และบริษัทฯ ในเครือ เพื่อเสริมสร้างจริยธรรม คุณธรรม ในการดำเนินชีวิต และส่งเสริมพัฒนาพนักงานให้มีทัศนคติที่ดีต่อการทำงาน สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข ณ วัดมเหยงคณ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

การตลาดออนไลน์

เอช เซม มอเตอร์ ก้าวสู่การตลาดแบบดิจิตอล

บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด จัดอบรมหลักสูตร To Be Digital Marketing Business เพื่อเสริมศักยภาพของพนักงานบริษัทฯ และบริษัทฯ ในเครือ ให้มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถกำหนดและวางแผนการตลาดแบบดิจิตอลเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการบริการลูกค้า

โดยมีคุณภูวสิษฏ์ สิริพัทธ์วรัญ เจ้าหน้าที่บริหารและพัฒนาทีมงานวางแผนทางการเงินและสายงานขาย บริษัท เอไอเอ จำกัด (มหาชน) มาเป็นผู้บรรยาย ณ สำนักงานใหญ่ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ตักบาตร

เอช เซม มอเตอร์ ทำบุญตักบาตรวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา

ทีมผู้บริหารและพนักงานบริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด ร่วมกิจกรรมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งเนื่องในวันอาสาหฬบูชาและวันเข้าพรรษา โดยอาหารแห้งที่ร่วมทำบุญดังกล่าวจะนำไปอุปการะเด็กขาดแคลนที่อาศัยอยู่ในวัดตาลเจ็ดช่อ อ.เมือง จ.อ่างทอง

โดยกิจกรรมในครั้งนี้จัดตั้งขึ้น เนื่องจากความตั้งใจอันดีของบริษัท ที่จะนอกจากจะมุ่งมั่นตั้งใจในการผลิตนวัตกรรมยานยนต์แล้ว ยังร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์สังคมผ่านการทำนุบำรุงศาสนาอีกด้วย

อบรมธรรมะ

“เอช เซม มอเตอร์” นำหลักธรรมพัฒนาทีมงาน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด จัดบรรยายธรรมให้กับพนักงานภายใต้หัวข้อ “อยากมีชีวิตที่ดี คิดให้ได้แบบนี้ก่อน” โดยนิมนต์พระครูใบฎีมงคล วชิรปญฺโญ พระวิทยากรกลุ่มใต้ร่มพุทธธรรม สถาบันพัฒนาพระวิทยากร สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์

แห่งวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็นผู้แสดงปาฐกถาธรรม เพื่อสร้างเสริมธรรมะให้พนักงานนำไปปรับใช้ในการทำงานและการดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข ณ สำนักงานใหญ่ เอช เซม มอเตอร์ อ.บางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

วิทยาลัยอาชีพโพธิ์ทอง

วิทยาลัยอาชีพ โพธิ์ทอง ศึกษาดูงาน ที่ เอช เซม มอเตอร์

คณะครูและนักเรียน แผนกวิชาช่างยนต์ 60 คน วิทยาลัยการอาชีพ โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ศึกษาดูงานบริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด ในวันที่ 25 มิถุนายน 2562 ด้วยสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายให้สถานศึกษาในสังกัด

จัดทำโครงการนำนักเรียน ในชั้นปีที่ 1 (นักเรียนใหม่) ศึกษาดูงานสถานประกอบการ เพื่อให้นักเรียน นักศึกษามีความรู้เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการประกอบอาชีพในอนาคต รวมทั้งให้มีความรู้เกี่ยวกับทักษะ วิชาการ ในสถานประกอบการ นำมากระตุ้นนักเรียน ใช้ในการศึกษาเล่าเรียนต่อไปในอนาคต

บริจาคเลือด

เอช เซม มอเตอร์ ร่วมบริจาคโลหิตเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

“ทำดีได้ไม่ต้องรอ” กับ กิจกรรมบริจาคโลหิตเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ครั้งที่ 2 ประจำปี 2562 มอบให้กับโรงพยาบาลอ่างทอง โดยคุณวันชัย ลี้นะวัฒนา กรรมการผู้จัดการบริษัท นำทีมพนักงานบริษัท เอช เซม มอเตอร์ และในบริษัทในเครือ เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

กระบี่

“เอช เซม มอเตอร์” บุกกระบี่ทดสอบประสิทธิภาพรถ

นายวันชัย ลี้นะวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกับนักธุรกิจเจ้าของกิจการในจังหวัดกระบี่ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรม “SEV & STC ตอบโจทย์ทุกธุรกิจ ลงตัวกับทุกกิจการ” และร่วมทดสอบประสิทธิภาพรถกอล์ฟไฟฟ้า SEV รถสามล้อเพื่อการพาณิชย์ STC

โดยกิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้น ณ โรงแรมกระบี่ รีสอร์ท จังหวัดกระบี่ ในวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา เพราะ H SEM MOTOR มุ่งมั่น ตั้งใจ ที่จะเป็นผู้ผลิตและคิดค้นนวัตกรรมยานยนต์ที่ดีที่สุด งานบริการตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานที่สุด ตามพัธกิจที่เราได้ตั้งเอาไว้

ระยอง

“เอช เซม มอเตอร์” จัดกิจกรรมทดสอบรถที่ระยอง

นายวันชัย ลี้นะวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด ประเดิมแผนกิจกรรมของปี 2562 จัดงานทดสอบประสิทธิภาพรถกอล์ฟไฟฟ้า SEV รถสามล้อเพื่อการพาณิชย์ STC ภายใต้ชื่อ “SEV & STC ตอบโจทย์ทุกธุรกิจ ลงตัวกับทุกกิจการ”

โดยกิจกรรมจัด ณ โรงแรม โกลเด้นซิตี้ จังหวัดระยอง โดยได้รับความสนใจจากหน่วยงานราชการ สมาคม โรงแรม และภาคธุรกิจต่างๆ เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทั้งจากในจังหวัดระยองและจังหวัดใกล้เคียง เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2562

ปาฐกถา

เอช เซม มอเตอร์ จัดกิจกรรม ปาฐกถาธรรมในหัวข้อ “ทำ กับ ธรรม”

บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด ได้รับความเมตตาและกรุณาจาก พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือที่เรารู้จักกันในนามท่าน ว.วชิรเมธี จากศูนย์วิปัสนาสากลไร่เชิญตะวัน จ.เชียงราย เพื่อมาแสดงปาฐกถาธรรมในหัวข้อ “ทำ กับ ธรรม” ให้แก่พนักงานทุกท่าน เพื่อให้พนักงานทุกท่านได้เรียนรู้และตระหนักไปกับธรรมมะ ซึ่งท่าน ว.วชิรเมธี ได้ให้คำสอนไว้ว่า

  • ทำให้ดีที่สุด ณ จุดที่ทำ
  • เป็นให้ดีที่สุด ณ จุดที่เป็น
  • ยิ่งหวง ยิ่งหาย ยิ่งให้ ยิ่งหอม
  • จงสร้างโอกาสขึ้นมา อย่าเสียเวลารอโอกาส

และได้มอบคติข้อคิดดี ๆ ไว้ให้พนักงานทุกท่านคือ “คนเห็นแก่ตัวอาจได้ทุกอย่าง แต่ไม่มีทางได้หัวใจคน”

ไร่เชิญตะวัน

H SEM MOTOR ถวายรถไฟฟ้า ให้กับศูนย์วิปัสสนาฯ ไร่เชิญตะวัน

คุณวันชัย ลี้นะวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า “มากกว่า 17 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มต้นทำธุรกิจ ผมจะมอบสิ่งดีๆ กลับคืนท้องถิ่น สังคม คู่ค้า รวมถึงพนักงาน ในรูปแบบต่างๆ ภายใต้ชื่อโครงการที่หลากหลายมาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด

มาในวันนี้ เพื่อการสื่อสารมีประสิทธิภาพ สร้างความเข้าใจที่ตรงกันของทุกภาคส่วน รวมถึงสร้างความต่อเนื่องเชื่อมโยงในทุกๆ กิจกรรมของบริษัทฯ โครงการ “ยิ่งให้ … ยิ่งได้” จึงถือกำเกิดขึ้น

โดยเริ่มประเดิมโครงการฯ ตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคม 2561 ด้วยการนำรถกอล์ฟไฟฟ้า SEV จำนวน 5 คัน ได้แก่ รถขนาด 2 ที่นั่ง 5 ที่นั